ภายในตึกทรงโมเดิร์นที่สวยโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ริมถนนพัฒนาการไม่ใช่อาร์ตมิวเซียมที่ไหน แต่เป็นโชว์รูม BMW MIllennium Auto แห่งใหม่ล่าสุดของประเทศไทยที่สาขา พัฒนาการ-ศรีนครินทร์ บนแนวคิดดีไซน์แห่งอนาคต (Retail Next) ผสมผสานกับไลฟ์สไตล์แบบฉีกกรอบเดิมๆ ของโชว์รูมรถยนต์ไปสิ้นเชิง กลายเป็นหนึ่งในงานออกแบบทางสถาปัตยกรรมและงานออกแบบอินทีเรียร์ที่น่าสนใจในระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แค่เห็นตัวตึกภายนอกที่มี Architectural Façade แผ่นใหญ่ปกคลุมหลังคาอยู่เหมือนลอยได้ ก็ต้องร้องว้าว! แต่เมื่อเดินเข้าไปภายในแล้ว จะยิ่งว้าวมากกว่า เพราะเป็นพื้นที่โชว์รถยนต์ที่มาพร้อมคาเฟ่ของบีเอ็มดับเบิลยูเอง ร้านช็อกโกแลต เสียงเพลงจากแกรนด์เปียโน และ customer lounge ดีไซน์ล้ำที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้การซื้อรถยนต์ BMW ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ประตูกระจกตรงทางเข้าเปิดอัตโนมัติต้อนรับเราอย่างกับเดินเข้าสู่โรงแรมหรูหราสักแห่ง ก่อนจะเห็นภาพของการจัดวางรถยนต์ที่ต่างไปจากที่คุ้นชิน ปกติรถในโชว์รูม BMW ก่อนหน้านี้มักจะจอดแนวขนานกับถนน เพื่อให้คนได้เห็นภาพว่ารถจะดูสวยอย่างไรเมื่อมันอยู่บนถนน แต่ที่นี่จัดวางเอียงสลับไปมา เหมือนการจัดวางสคัลป์เจอร์ในอาร์ตมิวเซียม เป็นการโชว์ความสวยของรถในด้านที่หลากหลาย และทำให้คนสนุกในการเดินชม
จุดเริ่มต้นมาจากพฤติกรรมผู้ซื้อ-ผู้ใช้รถยนต์ที่เปลี่ยนแปลงไป จึงมีการนำแนวคิด Retail Next เข้ามาใช้ออกแบบโชว์รูมรถยนต์เป็นแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผลงานออกแบบของ V2 Design Studio ที่ต้องการผสมผสานให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ สื่อสารออกมาในรูปแบบที่รับรู้ได้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ให้คนได้เข้ามาใช้เวลาและจดจำประสบการณ์ความรู้สึก มากกว่าจะเป็นแค่พื้นที่ของการขายหรือการบริการหลังการขายทั่วไป
เพราะ BMW ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่คือนวัตกรรมแห่งมอเตอร์สปอร์ตที่มาพร้อมความมีพลัง ความแอ็กทีฟ และความเป็นเลิศของสมรรถนะ ซึ่งมันถูกถ่ายทอดผ่าน “รถยนต์” เป็นตัวกลางให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสตัวตนของแบรนด์
เรามาดู 6 ว้าวในความเป็นโชว์รูมแห่งอนาคตของ BMW Millennium Auto กัน
1. ดีไซน์ส่วนหน้าของอาคาร (Architectural Façade)
ออกแบบเป็นกล่องกระจกใส และระนาบแนวนอนขนาดใหญ่ เหมือนกำลังลอยเคลื่อนออกจากกัน (Floating Box) คือสิ่งที่โดดเด่นที่สุดเมื่อมองจากภายนอก
2. เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวยังถูกใช้สอดแทรกไปกับพื้นที่โชว์รถ
พร้อมกับการแทรกชั้นลอยไว้ในระหว่างชั้นต่างๆ เพื่อให้มองเห็นส่วนต่อไปของพื้นที่ใหม่ๆ อย่างไม่จบสิ้น เชื้อเชิญให้คนเดินขึ้นไปเรื่อยๆ และได้ค้นพบรถยนต์ในแต่ละ category
3. สร้างประสบการณ์ผ่านรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
ได้แก่ รูป (ความสวยงามของการเลือกใช้สีและวัสดุที่ดูพรีเมียมกลมกลืนกันในสไตล์โมเดิร์น), รส (รสชาติของเครื่องดื่มและขนมจากพื้นที่คาเฟ่ที่ยกมาตั้งไว้ที่ใจกลางเอเทรียม), กลิ่น (การรังสรรค์กลิ่นอโรมาทั่วพื้นที่โชว์รูม ให้เข้ากับบุคลิกของแบรนด์), เสียง (เสียงเพลงจากแกรนด์เปียโนที่ขับกล่อมและเสียงเครื่องยนต์ที่จะดังขึ้นมาภายในลิฟต์) และสัมผัส ก็คือการได้ทดลองขับรถยนต์ BMW รุ่นที่ชอบ
4. มีองค์ประกอบที่เป็นธรรมชาติเยอะขึ้น
เช่น การใช้ต้นไม้ ดอกไม้เข้ามาประดับบริเวณ customer lounge นอกจากสร้างความผ่อนคลายและเป็นกันเองแล้วยังสะท้อนวิสัยทัศน์ sustainability (ความยั่งยืน) ของ BMW อย่างที่มีการพัฒนานวัตกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
5. เชื่อมโยงโลกออฟไลน์กับออนไลน์ได้ลงตัว
ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน เช่น การใช้แอปฯ ที่นำเสนอรายละเอียดของรถยนต์ เพื่อให้ข้อมูลและ lead ให้เกิดการสนใจ ก่อนจะตัดสินใจเข้ามาทดลองขับจริงๆ โดยแอปฯ ยังช่วยอำนวยความสะดวกทั้งการซื้อรถได้จากในแอปฯ การออกแบบประสบการณ์การส่งมอบรถให้ถูกใจตัวเองมากที่สุด การซื้ออุปกรณ์แต่งรถ รวมไปถึงในเรื่องของบริการหลังการขาย การนัดหมายต่างๆ
6. พื้นที่ส่งมอบรถมีจอ LED ที่ผนังด้านหลัง สำหรับช่วงเวลาที่น่าจดจำ
ลืมภาพของการติดโบของขวัญไว้บนรถยนต์แล้วยืนรับมอบกุญแจถ่ายรูปแบบธรรมดาๆ ไปได้เลย พื้นที่ส่งมอบรถของ BMW Millennium Auto สาขาพัฒนาการแห่งนี้จัดวางใกล้กับเลานจ์เพื่อให้ครอบครัวและคนสำคัญได้ร่วมแสดงความยินดี โดยมีฉากหลังเป็นจอแอลอีดีขนาดใหญ่สามารถฉายคลิปสั้นๆ เกี่ยวกับรถ หรือแม้แต่ชื่อของลูกค้า ซึ่งก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนคอนเทนต์บนจอได้หลากหลายตามวาระโอกาส ดูทันสมัยและตอบโจทย์เรื่อง personalization
เรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติและฉีกกรอบรูปแบบของโชว์รูมรถยนต์ที่เคยมีมาในอดีต ให้สอดคล้องไปกับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Millennium Auto ได้ที่เพจเฟสบุ๊ก BMW Millennium Auto