ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่และมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย หนึ่งในนั้นก็มีสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่างกำแพงเมืองจีน นอกจากนี้ ยังมีธรรมชาติที่สวยงาม มีแหล่งช็อปปิ้ง และร้านอาหารอร่อยๆ ให้เราได้ไปตระเวนชิม ปีๆ หนึ่ง คนไทยเราก็เลยไปเที่ยวจีนกันเยอะ
วันนี้เราจะมาแชร์วิธีการขอวีซ่าท่องเที่ยวประเทศจีน หรือวีซ่าประเภท L ด้วยตัวเอง แบบไม่ต้องพึ่งเอเจนซี่ เพราะมันไม่ยากเลยค่ะ ง่ายกว่าขอวีซ่าไปยุโรปและอเมริกาหลายเท่าเลยล่ะ
สถานที่ที่เราจะไปขอวีซ่าจีน ก็คือ Chinese Visa Application Service Center หรือ CVASC สำหรับกรุงเทพฯ จะอยู่ที่อาคารธนภูมิ ถนนเพชรบุรี ใกล้กับสำนักงานททท. (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) คนที่เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว สามารถนำรถเข้าไปจอดได้ที่ตัวอาคารเลย ประทับตราของศูนย์วีซ่าก็จะได้จอดฟรี 1 ชั่วโมง ชั่วโมงต่อไป 40 บาท/ชั่วโมง (แต่มีทริคค่ะ ถ้าต้องรอคิวนาน สามารถวนรถเอาก็ได้ จะได้ไม่เสียค่าที่จอดแพง) ส่วนคนที่ไม่ได้ขับรถ สามารถนั่งรถไฟใต้ดิน MRT ลงสถานีเพชรบุรี แล้วเดินต่ออีก 700 เมตร หรือถ้าขี้เกียจเดินก็เรียกมอ’ไซค์เลยจ้า
ขั้นแรกเราต้องเตรียมเอกสารก่อน!
- แบบฟอร์มของศูนย์รับคำร้อง ดาวน์โหลดได้ที่นี่ จะพิมพ์ข้อมูลจากในระบบแล้วปรินท์ออกมาก็ได้ หรือถ้ากรอกด้วยลายมือ ต้องเขียนภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด ส่วนช่องที่ไม่มีข้อมูลให้เขียน N/A ห้ามเว้นว่างนะคะ (แบบฟอร์มนี้มีให้ที่ศูนย์รับคำร้องค่ะ จะไปกรอกที่นั่นก็ได้ แต่เราแนะนำว่ากรอกไปจากบ้านดีกว่า จะได้ไม่ลน)
- พาสปอร์ตที่มีอายุเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือน (เล่มจริงและสำเนาหน้าแรก)
- ถ้าหากเคยได้วีซ่าจีนมาก่อน ต้องถ่ายสำเนาหน้านั้นมาด้วย และถ้าวีซ่านั้นอยู่ในพาสปอร์ตเล่มเก่า ก็ต้องนำสำเนาหน้าพาสปอร์ตเล่มเก่าแนบมาด้วย
- ใบจองตั๋วเครื่องบินไปกลับ
- ใบจองที่พัก (ต้องเป็นโรงแรมในประเทศจีน และครบทุกคืนตามกำหนดเดินทาง)
- รูปถ่าย – สิ่งนี้สำคัญมากเลยค่ะ เพราะสถานทูตจีนค่อนข้างเข้มงวดกับเรื่องรูปถ่ายสุดๆ โดยมีข้อกำหนด ได้แก่ รูปต้องมีขนาดกว้าง 33 มม. สูง 48 มม., พื้นหลังต้องเป็นสีขาว ไม่มีเงาตกกระทบ, หน้าตรงเปิดให้เห็นหู ไม่สวมหมวก, ห้ามใส่เสื้อสีขาว ต้องเป็นสีที่ตัดกับพื้นหลังชัดเจน และก็พิมพ์ลงบนกระดาษสำหรับพิมพ์รูปเท่านั้น สำหรับคนที่ต้องการความชัวร์ ที่ศูนย์รับคำร้องเขาจะมีตู้ถ่ายรูปอัตโนมัติราคา 150 บาท/โหล ไว้ให้บริการ แต่ถ้าอยากประหยัดกว่านั้น หาผนังขาวแล้วใช้กล้องถ่ายเองก็ได้ จากนั้นนำรูปเข้าเว็บไซต์ที่ช่วยปรับขนาดรูปให้ตรงตามข้อกำหนดของสถานทูต และก็ไปปรินท์เองที่ร้านถ่ายรูปค่ะ
- จดหมายรับรองจากบริษัท สำหรับคนที่ทำงานในสายสื่อมวลชน ไม่ว่าจะเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรืออะไรก็ตามที่ชื่อบริษัทอาจจะมีคำว่า ‘มีเดีย’ อยู่ด้วย หากจะขอวีซ่าท่องเที่ยว ที่ไม่ใช่เป็นการไปทำงาน ต้องให้บริษัทออกหนังสือรับรองมาด้วยค่ะ ว่าเราจะไปเที่ยวจริงๆ และจะไม่มีการทำข่าวเผยแพร่ใดๆ ทั้งสิ้น
- จดหมายรับรองตัวเอง อันนี้ก็สำหรับคนที่ทำงานในสายสื่อมวลชนอีกเช่นกัน เนื้อความจะคล้ายกับจดหมายที่บริษัทออกให้ แต่เปลี่ยนเป็นเรารับรองตัวเอง บอกชื่อ นามสกุล ตำแหน่ง เงินเดือน ระยะเวลาที่เริ่มทำงานที่นี่ จุดประสงค์ที่ไปประเทศจีน โดยระบุเมือง วันที่ต้องการเดินทาง เป็นระยะเวลากี่วัน พร้อมระบุว่าจะเดินทางกลับถึงประเทศไทยวันที่เท่าไร
หมายเหตุ: สิ่งที่แตกต่างระหว่างการขอวีซ่าจีนกับยุโรป/อเมริกา ก็คือ วีซ่าจีนจะไม่ขอดู statement หรือเงินในบัญชีธนาคารเลยค่ะ เราเองก็ปรินท์เผื่อไป แต่เจ้าหน้าที่ส่งคืนให้ สิ่งที่เขาให้ความสำคัญน่าจะเป็นเรื่องรูปถ่าย กับจดหมายรับรองของคนที่ทำงานในสายสื่อมวลชนมากกว่า นอกจากนี้ วีซ่าจีนก็ยังไม่มีการเก็บลายนิ้วมือดิจิทัลด้วย ทำให้หลายๆ คนมักจะมอบฉันทะให้เอเจนซี่มายื่นแทน แต่ในเมื่อยื่นเอง เราก็เตรียมเอกสารได้ง่ายดายขนาดนี้ ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปเสียค่าบริการเพิ่มเติมเลยจริงไหมคะ
ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าจีน
- การยื่นคำร้องขอวีซ่าท่องเที่ยวแบบ Single Entry เข้า-ออกครั้งเดียว 1,500 บาท
- การยื่นคำร้องขอวีซ่าท่องเที่ยวแบบ Double Entry เข้า-ออก 2 ครั้ง 2,500 บาท
- การยื่นคำร้องขอวีซ่าท่องเที่ยวแบบ Multiple Entry แบบ 6 เดือน 3,500 บาท
หมายเหตุ: วีซ่าท่องเที่ยวสำหรับบุคคลทั่วไป จะต้องยื่นผ่านศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า (CVASC) เท่านั้น ไม่สามารถยื่นที่สถานทูตหรือสถานกงสุลฯได้ ยกเว้นผู้ที่อาศัยอยู่ภาคเหนือ ถึงจะสามารถยื่นผ่านสถานกงสุลฯ เชียงใหม่ได้
ระยะเวลาการพิจารณา
- ยื่นแบบปกติ (ยื่นในเวลาทำการของศูนย์ตั้งแต่ 9.00-15.00น.) ใช้เวลา 4 วันทำการ เช่น ยื่นวันจันทร์ สามารถมารับเล่มคืนได้วันพฤหัสบดี ซึ่งสามารถยื่นล่วงหน้าก่อนวันเดินทางได้ไม่เกิน 3 เดือน
- ยื่นแบบเร่งด่วน (ต้องมายื่นก่อนเวลา 11.00 น.เท่านั้น) ใช้เวลา 2 วันทำการ เช่น ยื่นวันจันทร์ สามารถมารับเล่มคืนได้วันอังคาร
ขั้นตอนการยื่นวีซ่าที่ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า (CVASC)
- เมื่อเดินทางมาถึงอาคารธนภูมิ ถนนเพชรบุรี กดลิฟต์ขึ้นไปชั้น 5 เลยค่ะ
- การเดินเข้าศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า (CVASC) จะไม่ยุ่งยากเหมือนเวลาไปเดินเข้าไปขอวีซ่าที่สถานทูตอย่างของยุโรปหรืออเมริกา ที่นี่แค่เดินผ่านเครื่องตรวจโลหะ ซึ่งเราสามารถนำกระเป๋าเอกสารใบใหญ่เข้าไปได้เลย ไม่มีข้อห้าม อาจมี Security ตรวจกระเป๋านิดหน่อย
- ไปที่เคาน์เตอร์ Information แจ้งเจ้าหน้าที่ว่ามาขอวีซ่าท่องเที่ยว เขาจะให้บัตรคิวมาพร้อมกับใบเช็คลิสต์เอกสารทั้งหมด เพื่อให้เราสามารถตรวจสอบได้อีกที ถ้าอะไรขาดเหลือ เขาก็มีเคาน์เตอร์ให้บริการปรินท์และก๊อปปี้เอกสาร ในการขอวีซ่า เราแนะนำให้ทำการจองคิวออนไลน์ไปก่อนได้ที่นี่ โดยจองล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน แต่สำหรับคนที่ไม่จองคิวมาก่อน จะเข้ามาเลยก็ได้ แต่อาจต้องนั่งคอยนานนิดนึง ของเราวันนั้นไปถึงช่วงเกือบๆ เที่ยง ต้องรอถึง 90 กว่าคิว ใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆ เลยค่ะ T-T (ดีนะที่เตรียมคอมไปนั่งทำงาน)
- พอถึงคิวเรียก ก็เดินไปยังหมายเลขเคาน์เตอร์ที่แจ้ง ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ เขาอาจจะมีคำถามเพิ่มเติมนิดหน่อย และถ้าเอกสารครบถ้วน เขาก็จะให้ใบรับเล่ม สำหรับมารับพาสปอร์ตคืน ณ จุดนี้ยังไม่ต้องจ่ายเงินนะคะ
- เมื่อถึงกำหนดวันมารับเล่ม เราก็นำใบนั้นมายื่นที่เคาน์เตอร์ Information เขาก็จะให้บัตรคิวมาค่ะ ขั้นตอนนี้รอแป๊บเดียวเลย ประมาณ 2-3 คิว เราก็ไปรับเล่ม พร้อมจ่ายเงินค่าวีซ่า ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที
เท่านี้ก็เรียบร้อย พร้อมออกเดินทางไปเที่ยวประเทศจีนกันแล้วค่ะ ขอให้ทุกคน enjoy trip ถ้าเจออะไรสนุกๆ หรือมีรูปสวยๆ ก็ส่งมาให้ La Vie en Road ดูทางแฟนเพจ www.facebook.com/lavieenroadpage กันบ้างนะคะ หวังว่ารีวิวการขอวีซ่าจีนครั้งนี้จะช่วยให้ทุกคนหายปวดหัวจากขั้นตอนต่างๆ ลองทำเองดูแล้วจะรู้ว่ามันไม่ยากเลยค่ะ