Gold Coast ที่แปลว่าชายหาดสีทองนั้นเป็นชื่อของเมืองหนึ่งในรัฐควีนส์แลนด์ของออสเตรเลีย เราชอบที่นี่ในความที่มีหาดสีทองสมชื่อ โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก เป็นช่วงเวลาที่สวยงามมากๆ เลย และการมาเที่ยวโกลด์โคสต์ครั้งที่ 2 นี้ เราเลือกพักที่ voco Gold Coast ซึ่งทำให้เราได้เห็นวิวซิกเนเจอร์นี้แบบเต็มๆ ตา
ก่อนหน้านี้เราเคยแวะมาโกลด์โคสต์แค่เดย์ทริปเท่านั้น แต่ครั้งนี้เราตั้งใจปักหมุดมาพักที่หาด Surfers Paradise ซึ่งเป็นโลเกชั่นใจกลางเมืองของที่นี่ เดินทางไปแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ได้สะดวก มีร้านอาหาร มีบีช มีคนมาเล่นเซิร์ฟกันทุกวัน เรียกได้ว่ามีความเป็นธรรมชาติสอดแทรกอยู่กับความเป็นเมืองให้เราไม่เหงาจนเกินไป แถมยังได้รีแล็กซ์ในเวลาเดียวกัน
เราเลือกมาพักที่ voco Gold Coast เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ที่นี่เดิมคือ Watermark Hotel แต่เพิ่งมีการรีโนเวทใหม่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้และก็ได้รับการรีแบรนด์เป็น voco มาพร้อมสไตล์ที่ดูโมเดิร์นขึ้น มีชีวิตชีวา แถมด้วยทำเลที่อยู่ใจกลางเมือง มีร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ แถมยังสามารถเดินไปหาด Surfers Paradise ได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าว
จากสนามบิน Gold Coast เราเดินทางมาถึงที่โรงแรมแห่งนี้โดยขนส่งสาธารณะ ใช้เวลาประมาณ 50 นาที บอกเลยว่าถ้าไม่รีบก็ไม่จำเป็นต้องขึ้นแท็กซี่ก็ได้ ประหยัดแล้วก็สะดวกที่สุด เราซื้อบัตร Gold Coast Go Explore แบบ unlimited 1 วัน ราคาเพียง 10 AUD (ประมาณ 220 บาท) บัตรเดียวใช้ได้ทั้งรถเมล์และรถราง (light rail) แค่ tap on ตอนขึ้น และ tap off ตอนลงทุกครั้ง
เมื่อออกมาจากสนามบิน เดินตามทางที่ชี้ไปป้ายรถเมล์ แล้วก็ขึ้นสาย 700 ที่เขียนว่ามุ่งหน้าไป Broadbeach South Station นั่งไปลงสุดสายก็จะลงที่ป้าย Broadbeach South ซึ่งที่นั่นก็จะเชื่อมต่อกับสถานีรถราง ให้เราขึ้นต่อไปลงสถานี Surfers Paradise ได้เลย แค่ 4 ป้ายเท่านั้น
ต้องบอกว่าเราลากกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 1 ใบ และกระเป๋าเล็กอีก 1 ใบ การขึ้นรถเมล์ต่อรถรางจนมาถึง Surfers Paradise นี่ ชานชาลาทุกที่ทำมาพร้อมสำหรับการลากกระเป๋าหรือผู้โดยสารที่มีรถเข็น ไม่มีตรงไหนให้เราต้องทุลักทุเลเลยแม้แต่นิดเดียว สบายมากๆ อย่างที่บอกว่าถ้าไม่รีบก็ไม่จำเป็นต้องนั่งแท็กซี่เลย เพราะประหยัดกว่ากันเยอะ
โรงแรม voco Gold Coast อยู่ ณ สถานี Surfers Paradise เลย เดินไม่กี่ก้าวก็เข้าโรงแรมมาเจอล็อบบี้อันโอ่โถง ตกแต่งแบบโมเดิร์น เรียบง่าย ในโทนสีน้ำเงินเหลืองเป็นหลัก ดูแล้วสดใส แถมยังเป็นพื้นที่โล่งกว้าง เปิดให้แสงธรรมชาติลอดผ่านกระจกเข้ามาได้อีก คนเดินทางมาเหนื่อยๆ เห็นแบบนี้แล้วรู้สึกรีแล็กซ์ขึ้นเยอะ
เรามาพักที่ห้อง Deluxe ซึ่งมีเตียงแบบคิงไซส์และวิวทะเล สำหรับการมาพักคนเดียว ต้องบอกว่าห้องกว้างขวางกำลังดีด้วยขนาด 26 ตารางเมตร มีเครื่องอำนวยความสะดวกพร้อมทุกอย่าง ตั้งแต่กาต้มน้ำ อุปกรณ์ชงชากาแฟ ตู้เสื้อผ้าที่มีลิ้นชักเยอะ โทรทัศน์จอแบน ตู้เย็น และปลั๊กทั้งแบบปกติและแบบ USB ไม่ต้องห่วงว่าจะหาที่ชาร์จไม่พอ อ้อ! ในห้องน้ำก็มีไดร์เป่าผม สิ่งนี้ขาดไม่ได้เลยสำหรับเรา
สิ่งที่ว้าวที่สุดสำหรับเรา ซึ่งคุ้มค่ามากกับการจ่ายเงินเพิ่มในการเลือกห้องที่เห็นวิวชายหาด เพราะตอนเช้าตื่นมา ลุกจากเตียง มองผ่านกระจก เราจะเห็นเกลียวคลื่นของมหาสมุทรแปซิฟิกซัดเข้าหาด พร้อมกับแสงสีทองสมชื่อ Gold Coast ที่มาปลุกเราที่เตียงนอน แถมถัดจากชายหาดมา เราก็จะเห็นตึกที่เป็นแลนด์มาร์คของโกลด์โคสต์อย่าง SkyPoint Observation Deck ตึกสูงที่มีลิฟต์ความเร็วสูง พานักท่องเที่ยวขึ้นไปชมวิวโกลด์โคสต์ในมุมสูง
ความน่ารักก็คือหลังจากที่เราขึ้นห้องพักหลังเช็คอินได้ไม่นาน พนักงานจะนำขนมหวานมาเสิร์ฟ พร้อมเขียนการ์ดน่ารักๆ ต้อนรับเราอย่างอบอุ่น
สิ่งอำนวยความสะดวกนอกห้องพัก มีสระว่ายน้ำแล้วก็ห้องออกกำลังกาย เราสามารถใช้บัตรห้องพัก tap ประตูเข้าไปได้เลย
อาหารเช้าของที่นี่ สามารถลงไปทานได้ที่ห้องอาหารของโรงแรม Waves Buffet Restaurant ซึ่งเปิดตั้งแต่เช้าถึงเย็น และใกล้ๆ กันยังมีร้าน Clifford’s Grill & Lounge ซึ่งมีพิซซ่าและทาปาสที่ดีงามมากๆ ขณะเดียวกันถ้าอยากจะชิลกับกาแฟและค็อกเทลในยามบ่าย Social House ก็เป็นที่ที่เหมาะไปนั่งแฮงเอาท์ อ่านหนังสือ
ถ้าเกิดว่าอยากออกไปสำรวจที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ ก็สามารถเดินหรือว่านั่ง light rail ไปได้ทุกแห่งหนในโกลด์โคสต์ หรือถ้าขี้เกียจ จะแค่ออกไปเดินเล่นและนอนอาบแดดที่ชายหาด Surfers Paradise ก็ไปได้ทุกเมื่อ ถือว่าเป็นโรงแรมที่น่าเข้าพักแห่งหนึ่งสำหรับคนที่มาเที่ยว Gold Coast
voco Gold Coast
For more information and reservation: https://goldcoast.vocohotels.com/
