Cover

เราค้นพบรีสอร์ทสวยที่อยู่บนเกาะลับซึ่งเดินทางไปได้ไม่ยากเลยจากกรุงเทพฯ

รีสอร์ทนี้ชื่อว่า The Sanchaya และเกาะที่ว่านี้ก็คือ เกาะบินตัน (Bintan Island) ประเทศอินโดนีเซีย แต่อย่าเพิ่งคิดถึงการนั่งเครื่องไปลงจาการ์ตาค่ะ เพราะเกาะนี้ที่จริงแล้วตั้งอยู่ใกล้สิงคโปร์นิดเดียวเอง เดินทางไปได้ง่ายกว่าจาการ์ตาเยอะ

10B41860-A605-428F-8701-EA3EDA1B80ED.jpg

399E3227-4142-4DE3-BD19-C946A4034B4F.jpg

วิธีเดินทางคือนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯไปลงสิงคโปร์ แล้วก็ต่อรถแท็กซี่จากสนามบิน Changi ไปประมาณ 10 นาที ถึงท่าเรือเฟอร์รี่ Tanah Merah เพื่อขึ้นเรือที่นั่นมุ่งตรงไปยังเกาะบินตัน ใช้เวลาล่องเรือเพียง 50 นาทีเท่านั้น

S__12132406.jpg
สายการบิน Scoot บินตรงจากสุวรรณภูมิถึงสิงคโปร์ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
S__12132405.jpg
บรรยากาศที่นั่งแบบ Premium Economy เบาะกว้างและปรับเอนได้ มีที่วางขา
S__12132402.jpg
อาหารร้อนๆ เสิร์ฟบนเครื่อง สำหรับที่นั่ง Premium Economy

ทริปเดียวเหมือนเที่ยว 2 ประเทศเลยค่ะ นั่นก็คือสิงคโปร์และอินโดนีเซีย ถ้าใครมีเวลาเหลือๆ อยากจะทิ้งตัวในสิงคโปร์สักคืนสองคืนก็ได้ ดังนั้นอย่าลืมเตรียมเงินทั้งดอลลาร์สิงคโปร์ (SGD) และรูเปียะห์ของอินโดนีเซีย (IDR) ไปด้วย ที่สำคัญอย่าลืมดูเวลาให้ดีๆ เพราะเวลาของสิงคโปร์นั้นเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง ส่วนเวลาบนเกาะบินตันจะเท่ากับที่เมืองไทยเป๊ะๆ เลย

S__12132397.jpg
ท่าเรือเฟอร์รี่ Tanah Merah

เรือเฟอร์รี่ที่นั่งจากสิงคโปร์ไปเกาะบินตันนั้น มีให้บริการทุกวัน และตลอดทั้งวัน แต่ถ้าเดินทางเสาร์-อาทิตย์ก็จะราคาแพงขึ้นนิดนึง โดยแบ่งออกเป็นชั้น Emerald และ Economy แน่นอนว่าชั้นประหยัดก็จะถูกกว่า ไปกลับประมาณ 1200 บาท ความแตกต่างก็คือถ้าชั้นประหยัดก็จะอยู่ชั้นล่าง มองไม่ค่อยเห็นวิว ที่นั่งมีเยอะกว่า อาจมีเสียงดังจากนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ บ้าง

S__12132417.jpg
บรรยากาศบนเรือเฟอร์รี่ชั้น Emerald

ส่วนชั้น Emerald จะอยู่ชั้นสอง มองเห็นวิวทะเลชัดเจน เก้าอี้ใหญ่กว่าและเป็นเบาะหนังหรูหรา มีจำนวนที่นั่งน้อยกว่าจึงค่อนข้างเงียบสงบ และมีน้ำเปล่าเสิร์ฟให้ 1 ขวด ที่สำคัญจะได้รับสิทธิ์ให้ขึ้นและลงเรือก่อน ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องแถว Immigration ยาวๆ เลย

S__12132416.jpg

นอกจากนี้ทั้งแบบ Emerald และ Economy ของเรือเฟอร์รี่ สามารถสั่งอาหารได้โดยจ่ายเพิ่มบนเรือ ราคาไม่แรงมาก มีเมนูให้เลือก 4-5 อย่าง

S__11411545.jpg
เลานจ์ของ The Sanchaya ที่ท่าเรือเฟอร์รี่ฝั่งเกาะบินตัน

นั่งเรือยังไม่ทันหลับดี เราก็มาถึงเกาะบินตัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ของแต่ละรีสอร์ทก็มักจะมารอรับที่ท่าเรือเลย เช่นเดียวกับ The Sanchaya ของเรา เจ้าหน้าที่มาช่วยเราถือกระเป๋าและพาไปยังเลานจ์ของรีสอร์ท เสิร์ฟ welcome drink พร้อมผ้าขนหนูเย็นๆ โอ้โห รีแล็กซ์ขึ้นมาทันที ยังไม่ทันจะถึงรีสอร์ทเลย

S__12132375.jpg

นั่งรอไม่นาน รถก็มารอรับเราไปยังรีสอร์ท สองข้างทางเราจะเห็นแต่ป่า ป่า แล้วก็ป่า เพราะว่าพื้นที่ส่วนใหญ่บนเกาะบินตันยังเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์อยู่ แม้ว่าเนื้อที่ทั้งหมดของเกาะจะใหญ่กว่าสิงคโปร์ถึง 3 เท่า แต่พื้นที่ในส่วนที่เป็นรีสอร์ทหรือสถานที่ท่องเที่ยวนั้นมีอยู่นิดเดียวเองค่ะ

S__12132420.jpg

นั่งรถมาแค่ 15 นาที ก็มาถึงรีสอร์ทแล้ว บรรยากาศที่ The Sanchaya เงียบสงบมาก เพราะมีจำนวนวิลล่าเพียง 29 หลัง เราเดินผ่านสคัลป์เจอร์สับปะรดลูกใหญ่ ซึ่งเป็นผลงานของศิลปินชาวสิงคโปร์ เพื่อไปยังล็อบบี้ ทำการเช็คอิน

S__12132381.jpg

The Sanchaya เปิดตั้งแต่ปี 2014 โดย Natalya Pavchinskaya ชาวรัสเซียที่หลงใหลศิลปะมาก ตัวเธอเองก็ทำงานเป็นทั้งศิลปิน นักออกแบบ โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ ทำให้เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่ถึงเต็มไปด้วยศิลปะในทุกรายละเอียด ทั้งเชิญศิลปินมาสร้างสรรค์ผลงานในรีสอร์ท นำของสะสมส่วนตัวมาประดับประดา แล้วก็ยังจัดกิจกรรมเกี่ยวกับศิลปะ ทั้งหนัง ดนตรี และเวิร์กช็อปต่างๆ อยู่บ่อยๆ จะบอกว่าเป็นรีสอร์ทที่มีความเป็นอาร์ตแกลเลอรี่ย่อมๆ เลยก็ได้

S__12132379.jpg
ห้องสมุดของ The Sanchaya เป็นหนึ่งในสถานที่โปรดของเรา

S__12132386.jpg

S__12132385.jpg

ที่นี่ร่วมงานกับบริษัทออกแบบของไทยอย่าง P49 Deesign ด้วย ทำให้เราสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายไทยๆ แบบโบราณนิดนึง ตั้งแต่ลายบนพื้นกระเบื้อง ประตู หน้าต่าง ผ้าม่าน แต่อันที่จริงวัฒนธรรมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มันก็เชื่อมโยงกันและถ่ายเทอิทธิพลซึ่งกันและกัน ไทยกับอินโดนี่มีความใกล้กันหลายอย่างมาก

S__12132390

A799265C-3CFB-4D79-93C8-DC52DC466D95.jpg
ส่วนห้องนอน พร้อมพรั่งด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก

เราได้พักวิลล่าแบบสองชั้น เปิดประตูห้องก็จะเจอบันไดเลย เราขึ้นไปชั้นสอง พบกับห้องนั่งเล่นก่อน มีโซฟา มีตู้เย็น จากนั้นก็เปิดประตูต่อเข้าไปยังห้องแต่งตัว แบ่งออกเป็นสองฝั่ง him and her และด้านในสุดถึงจะเป็นส่วนของห้องนอน มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ทั้งทีวี ไอแพด โทรศัพท์ แต่สิ่งที่เราชอบกลับเป็นระเบียงที่กว้างมากๆๆๆ ออกไปนั่งชิลรับลมทะเลได้แบบสบายใจเลย อ้อ! ลืมบอกไปว่าทุกห้องของที่นี่จะมองเห็นวิวทะเลได้หมด เพราะเขาอยากให้เราได้ใกล้ชิดธรรมชาติจริงๆ

F1846121-56D0-4720-A4C5-437216B979E9.jpg

S__12132393.jpg

นอกจากการออกแบบที่สวยงามแล้ว เขายังเน้นเรื่องการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สังเกตว่าอุปกรณ์หลายๆ อย่างจะทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น แปรงสีฟันด้ามไม้ ยาสีฟันสมุนไพร หวีทำจากไม้ และถุงขยะก็ใช้เป็นถุงกระดาษ ฯลฯ

S__12132378.jpg

78195FBA-90E0-4EC5-A11C-C762E303A3B7.jpg

ตื่นเช้ามา แนะนำให้ไปวิ่งริมชายหาด วิวสวยงามมาก จากนั้นไปทานอาหารเช้าที่เสิร์ฟแบบ a la carte มีให้เลือกหลายอย่าง ขนมปัง/ไส้กรอก/แฮม แบบอเมริกัน ข้าวต้มแบบอินโดแท้ๆ หรือจะเป็นข้าวเหนียวหมูปิ้งแบบไทยๆ ก็มีนะ

S__12132418.jpg
ข้าวต้มอินโดฯ
D8DBCAED-A126-499D-8B4C-B9087A51B793.jpg
นอกจากอาหารเป็นจานแล้ว ถ้ายังไม่อิ่ม มาตักเพิ่มตรงนี้ได้
S__12132394
ห้องอาหารเช้า

กิจกรรมในรีสอร์ท ใครชอบออกกำลังกายให้ไปฟิตเนสที่บางครั้งจะมีเทรนเนอร์กล้ามใหญ่มาช่วยดูแลให้คำแนะนำ หรือจะยืมจักรยานไปขี่เล่นในรีสอร์ท หรือออกไปถึงตลาดใกล้ๆ ได้ โดยเลาะเลียบไปทางชายหาด แต่สำหรับสายชิลอย่างเรา ได้ไปทดลอง holistic spa ซึ่งเป็นสปาแบบองค์รวม ดูแลทั้งร่างกายและจิตใจ เธอราพิสต์มือเบาตามที่เราขอไว้ และก็ทำเอาเราหลับไปเลยค่ะ ตื่นมาหายเมื่อย หายปวดหัว แบบไม่ต้องพึ่งยาใดๆ

4E1CE227-F5AE-4C76-826F-DD8118ED9AFA.jpg
สปาแยกออกมาเป็นบ้านหลังเล็กๆ สนามหญ้าสีเขียวกว้างใหญ่มาก
S__12132380.jpg
ก่อนทำสปา จะมีน้ำมันมาให้เลือกกลิ่นที่ชอบ

สิ่งที่ห้ามพลาดอีกอย่างคือสระว่ายน้ำ เพราะเป็นสระสีฟ้าสวยน่าเล่นมากๆ อยู่ติดกับชายหาด ขณะว่ายน้ำก็มองไปเห็นคลื่นทะเล ซึ่งในช่วงกลางวันก็จะเป็นฟีลนึง แต่พอตกกลางคืน เขาเปิดไฟ ก็จะได้อีกฟีลที่โรแมนติกสุดๆ เลย ว่ายเสร็จแล้วจะจองร้านอาหารไทยริมสระต่อเลยก็ได้ แอบกระซิบว่าร้านนี้ทำรสชาติได้ไทยแท้เลยทีเดียว

S__12132391.jpg
สระว่ายน้ำช่วงเย็น
S__12132392.jpg
สระว่ายน้ำช่วงค่ำ
S__12132421.jpg
อาหารไทยรสแซ่บ ไม่ผิดหวัง

เอาเป็นว่าที่นี่คือรีสอร์ทอีกแห่งที่เรา recommend สำหรับใครที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายไปหาความสงบเพียงชั่วครู่ เพราะเดินทางแค่ไม่กี่ชั่วโมง อยู่ใกล้เมืองไทยแค่นี้เอง หลายคนที่เคยมาเกาะบินตันแล้วถึงกับบอกว่าที่นี่เป็นเกาะสวรรค์แห่งอินโดนีเซีย แม้ว่าจะไม่ได้คึกคักเหมือนอย่างเกาะบาหลีหรือที่เที่ยวอื่นๆ ในอินโด แต่ก็เน้นสำหรับสายชิลที่ต้องการการพักผ่อนจริงๆ มากกว่า และถ้าช่วงกลางวันอยากหาอะไรสนุกๆ ทำ ก็เช่ารถออกไปเที่ยวในเมืองได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเนินทราย Gurun Pasir Busung ที่เห็นแล้วนึกว่าหลุดมาทะเลทรายแถวตะวันออกกลาง หรือจะเป็นบึงสีฟ้าอย่าง Danau Biru, Kawal ซึ่งเป็นบ่อที่เคยเป็นเหมืองแร่มาก่อน น้ำจึงกลายเป็นสีฟ้า ลงเล่นไม่ได้ แต่ถ่ายรูปสวยชิคเลยแหละ อินสตาแกรมต้องล้นค่ะงานนี้

 

S__12132396

จองห้องพักและดูรายละเอียดเพิ่มเติมของ The Sanchaya ได้ที่ https://www.thesanchaya.com/

สั่งซื้อชุดเสื้อผ้าจาก Pomelo ได้ที่ > Pomelo Spring-Summer 2020