ท่ามกลางพื้นที่สีเขียวใจกลางกรุงเทพฯ ในย่านหลังสวน ใกล้สวนลุมพินี โรงแรม Kimpton Maa-Lai Bangkok ได้เปิดตัวขึ้นพร้อมให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2020 และเรียกความสนใจจากชาวกรุงเทพฯ ที่มองหาสถานที่พักผ่อน แบบไม่ต้องเดินทางไกล จนใครต่อใครพากันจูงน้องหมาน้องแมวไปถ่ายรูปเช็คอินเต็มโซเชียล แต่เหนือไปกว่าคอนเซ็ปต์ pet-friendly ที่นี่ก็ตอบโจทย์ด้วยมาตรฐานโรงแรม 5 ดาว แต่ไม่จำเป็นต้องเดินเชิดหรือใส่เสื้อปกตั้งให้ทางการขนาดนั้น ตรงกันข้ามเลย เราสามารถมา spend weekend ที่นี่ด้วยมู้ดสบายๆ กางเกงขาสั้นกับเสื้อหลวมๆ สักตัว แล้วสนุกไปกับ 10 กิจกรรมไฮไลท์ที่ลาวีอองโร้ดมาแนะนำกันในครั้งนี้

ครั้งก่อน ลาวีอองโร้ดเอาใจ pet lover ด้วยการพาน้องแมว Gremlin มา staycation ที่คิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ ไปแล้วรอบหนึ่ง แต่ครั้งนี้เราอยากใช้เวลากับตัวเองเพื่อความผ่อนคลายที่แท้ทรูบ้าง ก็เลยมา In-Town Staycation แบบ 3 วัน 2 คืน จัดเต็มครบทุกกิจกรรม ตั้งแต่เรื่องกินดื่ม สปา ออกกำลังกาย ไปจนถึงการนอนพักผ่อนในห้องสุดหรูแต่ราคาคุ้มค่า ใครอยากตามมา เราขอแอบกระซิบให้ทุกคนฟิตร่างกายและเตรียมกางเกงยางยืดไว้สักตัวด้วยนะคะ

1. Enjoy ห้องพัก Type ไหน?

เราเข้าพักห้อง King Deluxe ชั้น 21 ซึ่งเป็นขนาดเริ่มต้นของโรงแรม ด้วยความกลัวว่าห้องใหญ่ไป อาจจะเหงาใจไปเสียก่อน แต่พอเข้ามาจริงๆ ห้องที่ว่าเล็กที่สุดก็ยังคงใหญ่อลังการกว่าที่คาดไว้ค่ะ โดยทางโรงแรมได้เตรียมขนมมาการงประจำเทศกาลเอาไว้ต้อนรับอย่างอบอุ่น บวกกับวิวห้องที่เปิดม่านมาพบกับด้านซ้ายเป็น Kempinski และวิวด้านขวาเป็น Sindhorn Village แซมด้วยสวนสีเขียวเล็กๆ อยู่รอบด้าน ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแครี แบรดชอว์ ในแมนฮัตตันอย่างบอกไม่ถูก

สิ่งที่ประทับใจที่สุดเกี่ยวกับห้องพักของคิมป์ตัน นอกจากดีไซน์การตกแต่งภายในแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกดื่มด่ำจนไม่อยากออกไปไหนเลยก็คือ ลำโพง! อ่านไม่ผิดค่ะ เพราะที่นี่มีลำโพงซ่อนอยู่ในทุกมุมห้อง ตั้งแต่ห้องนอนยันห้องน้ำ ระบบเสียงโอบรอบคนรักเสียงเพลงอย่างเราไว้ได้ดีมาก ใครอยาก binge watch เน็ตฟลิกซ์ หรือ naked dance ในห้อง ก็แค่สแกน QR code ผ่าน chromecast และสนุกได้ง่ายๆ เลย ทางเราเองก็โยนบาธบอมบ์ลงอ่างและเอนจอยด์ keshi อยู่ในห้องน้ำอย่างสุนทรีย์

2. A day in life with bartender

ถึงเวลากระตุกต่อมน้ำย่อยกันหน่อย เราแนะนำให้คุณเริ่มด้วยอะไรที่เบาๆ แต่มีสไตล์จัดจ้านด้านสถาปัตยกรรมที่บาร์/คาเฟ่ Craft ก่อนค่ะ

ความเท่ของสโลว์บาร์แห่งนี้คือ ความเป็น 2-in-1 ผสมผสานรูปแบบสองขั้วได้อย่างลงตัว ด้วยการหันหลังชนกันระหว่างบาร์คอฟฟี่และบาร์ค็อกเทลที่อยู่ท่ามกลางการตกแต่งของงานศิลปะจากศิลปินท้องถิ่น และสวนระเบียงธรรมชาติในกลิ่นอายแบบโบทานิก

สายคาเฟ่กลางวันนั่งดื่มกาแฟคุณภาพที่ผ่านการคั่วบดอย่างมืออาชีพจากไทยและเทศ ส่วนเรื่องอาหารเขาเสิร์ฟ All Day Breakfast คือมีอาหารเช้าตลอดทั้งวัน คนตื่นเช้าออกไปวิ่งที่สวนแล้วแวะเข้ามาทานบรันช์ ส่วนคนตื่นบ่ายและอยากทานแพนเค้กก็ย่อมได้ หรือจะแปลงร่างเป็นคอมาร์ตินี่ตอนดึกก็ไหลลื่นสุดๆ ความเก๋คือ ชื่อ ‘คราฟต์’ เนี่ยไม่ได้ตั้งชื่อขึ้นมาลอยๆ เพราะทั้งกาแฟและดริงค์ก็จัดมาให้คอนักดื่มตัวจริงได้ลิ้มลองรสชาติแบบคราฟต์สดๆ เรียกได้ว่าเก็บรายละเอียดได้ครบทุกเม็ดในที่เดียว

ที่ตั้ง: ชั้น Lobby โรงแรม Kimpton Maa-Lai Bangkok

เปิดบริการ 7.00 – 24.00 น. (สามารถพาสัตว์เลี้ยงเข้ามาได้)

สำรองที่นั่ง: +66 (0)2 056 9999

3. Social hour at Maa-Lai lounge

คนไทยหลายคนอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับวัฒนธรรมอย่าง Social Hour กันนัก แต่ถ้าใครอยากลองสัมผัสประสบการณ์การพูดคุยกับคนแปลกหน้า แลกเปลี่ยนเรื่องราวและวัฒนธรรม Maa-Lai lounge เป็นอีกที่ที่น่าตื่นเต้นและเปิดโลกมากๆ ด้วยความที่ตัวโรงแรมตั้งอยู่ใจกลางเมืองและติดกับสถานฑูตหลายแห่ง ทำให้คิมป์ตันเป็นโรงแรมที่มีแขกหลากหลายเชื้อชาติมาใช้บริการที่นี่ การยืนพูดคุย พร้อมจิบไวน์ขาวในมือ บอกเล่าเรื่องราวกับผู้คนบนระเบียงที่ประจันหน้ากับวิวความงามระดับสิบล้านจึงเป็นอะไรที่ลาวีอองโร้ดอยากให้ทุกคนได้ลองสัมผัสดูสักครั้งจริงๆ ค่ะ

ส่วนเหล่า Introvert ที่ไม่สันทัดการพูดคุยก็ไม่ต้องน้อยใจกันไป ปล่อยให้ Extrovert ได้ชิทแชทด้านนอก แล้วเราขยับมาหลบมุมด้านในที่ Quite & Nap Room นั่งเอนหลังสวยๆ จิบสปาร์คกลิ้งชมวิวเมืองนอกหน้าต่างออกไปก็เลิศมีระดับไม่แพ้กัน กรึ่มๆ หน่อยก็แนปเงียบๆ ไปก่อนได้เลย

4. Breakfast and lunch at Stock.Room

ที่สุดของ Food Lover ที่สุดของคนกินยาก เรื่องเยอะ เลือกแยะ อันนู้นก็อยากมี อันนี้ก็อยากเอา ที่นี่รวบรวมและจัดสรรทุกสิ่งที่จะสามารถปรนเปรอสายกินให้ขึ้นสวรรค์ได้ที่ห้องอาหาร Stock.Room กับคอนเซ็ปต์ Grocerant มีครัวให้เลือกถึง 6 stations โดยแบ่งโซนออกเป็น Pick Up Grocery ให้ทุกคนได้เลือกวัตถุดิบสดๆ ใหม่ๆ ตามที่ต้องการ เพื่อให้เชฟได้รังสรรค์และปรุงอาหารตามความปรารถนาขั้นสูงสุด จากนั้นก็จะนำจานอาหาร Made-To-Order มาเสิร์ฟในโซน Dinning Restaurant นั่นเอง ถือเป็นไอเดียที่น่าสนใจและน่าจับตามองมาก เพราะโกรเซอรองต์ในเมืองไทยเป็นอะไรที่หาจับตัวยากมาก อยากจะมี vibe ดีๆ แบบนี้ทั้งทีต้องดั้นด้นไปถึงยุโรป แต่วันนี้เขายกยุโรปมาไว้ที่นี่แล้ว

เรามีโอกาสได้ทานทั้งมื้อเช้าและกลางวันที่นี้เลย ทุกเมนูอยู่ภายใต้การควบคุมของเชฟ Lamberto Valdez Lara ชาวเม็กซิกัน ดังนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่าอาหารทุกจานได้รับการใส่ใจและความพิถีพิถันทุกขั้นตอนแน่นอน อย่างมื้อเช้าเราเปิดด้วย Shakshuka ซึ่งถือว่าเป็นกะทะร้อนที่ Made My Day มากๆ ต่อด้วยมื้อกลางวันกับ Starter อย่าง Lobster Ceviche ที่เปิดมาได้สดชื่นสุดๆ ในรูปแบบของกะลามะพร้าว ตามมาติดๆ กับจานหลักอย่าง Char Grilled Lamb Chop ที่นุ่มไปถึงกระดูกแกนกลาง รูดเนื้อเข้าปากนี่ตาแทบหลุดกระเด็นขึ้นสวรรค์ และปิดมื้อนี้สวยๆ ด้วย Chocolate Fondant แบบเย็น

ถึงตอนนี้เราเชื่อว่าหลายคนคงเข้าใจแล้วว่าทำไมต้องเตรียมกางเกงยางยืดมาด้วย

อ่านรีวิวเพิ่มเติม ร้าน Stock.Room

ที่ตั้ง: ชั้น 5 Kimpton MAA-LAI Bangkok
สำรองที่นั่ง: +66 (0)2 056 9999

5. Dinner at Bar.Yard

มื้อค่ำ เราพาทุกคนมาเติมอะดรีนาลีนที่ บาร์ ยาร์ด (Bar.Yard) รูฟท็อปบาร์บรรยากาศ Oasis ที่ขึ้นชื่อเรื่องทรอปิคัลค็อกเทล บาร์บีคิวสไตล์ Farm-To-Plate ที่เดินทางจากแหล่งท้องถิ่น มาเสิร์ฟร้อนๆ ตรงหน้า และ DJ แนว electronics, neo-soul จนถึง disco ที่มีมาวนไม่ซ้ำในทุกคืน ใครมาแล้วติดใจเสียงดนตรีจนมูฟออนไม่ได้ เขาก็มีเพลย์ลิสต์สุดเจ๋งประจำบาร์ให้โหลดผ่าน spotify กันอีกด้วย

อาหารเม็กซิกันคือพระเอกหลักที่จะช่วยกล่อมกระเพาะของเราในคืนนี้ เมนูตกหลุมรักที่สุดคงเป็นอะไรไม่ได้นอกจาก Smoked Ribs and Skewers ที่แค่ใช้ส้อมสะกิด เนื้อก็หลุดออกมาจากกระดูกอย่างง่ายดายแล้ว พนักงานที่นี่แอบกระชิบว่า “เนื้อชิ้นไหนไม่ละลายในลิ้น เราไม่เอาเสิร์ฟ” นอกจากนี้ยังมี Grilled Fresh Caught Prawns แบบ Sharing Platter สไตล์บาร์บีคิวหลังบ้าน รวมถึง Smoked Chicken Quesadillas และ Beef and Seared Fish Tacos ที่อยากให้ทุกคนได้ลองจนครบทุกถาดจริงๆ

  • ชั้น 40  Kimpton MAA-LAI Bangkok
  • เปิดให้บริการตั้งแต่ 16:00 น. – เที่ยงคืน ทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์
  • สำรองที่นั่ง: +66 (0)2 056 9999

อ่านรีวิวเพิ่มเติม ร้าน Bar.Yard

6. Cooking Class with Chefs

ทานจนอิ่มท้อง เราก็หากิจกรรมยามบ่ายทำรอย่อยระหว่างวันก่อนจะไปต่อกันที่มื้อเย็น รอบนี้ลาวีอองโร้ดได้โอกาสไปเข้า Cooking Class ซึ่งตั้งอยู่บริเวณ Cooking Studio ตรงข้าม Stock.Room กับเชฟชาวไทยประจำโรงแรมในเมนูคัพเค้กแสนง่ายสำหรับมื้อใหม่หัดเข้าครัว ใครที่กลัวและมีความกังวลในการทำอาหารงานนี่ยืดอกสู้ได้เลยค่ะ เพราะเชฟใจดีและสอนแต่ละขั้นตอนอย่างละเอียดและใจเย็นมากๆ ตั้งแต่การผสมแป้งจนถึงการขึ้นยอดครีมสำหรับการแต่งหน้าเค้กเลย

ลาวีอองโร้ดเองก็มีเค้กเป็นของตัวเองด้วยนะทุกคน สีเหลืองวนิลาน่ารักเชียว

7. Working Out Spaces

มาฟิตร่างกายเบิร์นแคลอรี่ออกเบาก่อนๆ มื้อค่ำคืนนี้ ที่คิมป์ตันยิม ฟิตเนส 24 ชั่วโมงที่ตกแต่งในตีมหน้าผาจำลอง เปิดให้บริการสำหรับแขกผู้เข้าพักและลูกบ้านในเรสซิเดนซ์ได้ยืดเส้นยืดสายอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีสระว่ายน้ำแบบ Endless View ที่เราจะได้เห็นสวน 2 ด้านและวิวเมืองฝั่งลุมพินีอย่างเต็มตา และสำหรับใครที่อยากแฮงเอาต์ที่นี่ ทางโรงแรมก็มีบาร์บริเวณทางเข้าตัวสระว่ายน้ำไว้บริการเครื่องดื่มแบบครบรูปแบบ ใครที่กลัวว่าจะไม่เป็นส่วนตัว หรือไม่ชอบลักษณะพูลบาร์ที่อยู่ในน้ำ ที่นี่เขาแยกออกมาแบบเป็นสัดเป็นส่วนได้ดีเลยทีเดียว

8. Sophisticated Travellers at Ms.Jigger

“หากกระดาษข้อความบรรจุอยู่ในขวดโหลได้ ค็อกเทลของฉันก็เปรียบเสมือนเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง” — Ms. Jigger

นี่คือร้านอาหารที่ได้แรงบันดาลใจจากหญิงสาวนักเดินทาง Ms.Jigger ผู้ใช้ชีวิตของเธออย่างคุ้มค่าที่แถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ตัดสินใจกลับมาสู่บ้านหลังเดิมที่เธอโปรดปรานนั่นคืออิตาลี

เมื่อคืนเราได้ buen provecho! สไตล์เม็กซิกันกันไปแล้ว คืนนี้ลาวีอองโร้ดพาทุกคนมา buon appetito! สไตล์อิตาเลียนที่ ร้านอาหาร Ms.Jigger กันบ้าง แน่นอนว่าอาหารอิตาเลียนที่นี่เป็นที่ถูกปากของหลายๆ คนที่มีโอกาสได้มาลองรสกันอยู่แล้ว แต่ที่ขึ้นชื่อมากกว่าเรื่องอาหารคือของหวานประจำชาติอย่าง Tiramisu และ Bombolone ตามแบบฉบับอิตาเลียนแท้ๆ

Ms Jigger

ส่วนเครื่องดื่มที่ได้รับคำเตือนจากทุกคนที่ได้เคยไปประลองคอกันมาแล้วว่า ‘ของเขาแรงจริงๆ’ ใครนอนไม่หลับแนะนำ Chocolate Martini หรือถ้าเลือกไม่ถูกว่าจะหลับหรือจะตื่นดีก็ตบมื้อค่ำด้วยนี้ ด้วย Espresso Martini ที่เสิร์ฟมาคู่กับช็อกโกแลตบาร์ให้กัดคำจิบคำสไตล์อิตาเลียนกันไปเลย รับรองว่าได้มี Long social-hours night ทั้งคืนแน่นอน

ที่ตั้ง: ชั้น Lobby โรงแรม Kimpton Maa-Lai Bangkok

เปิดให้บริการ: วันจันทร์ – วันศุกร์ ตั้งแต่ 17.30 น. ถึง เที่ยงคืน / วันเสาร์ – วันอาทิตย์ มื้อกลางวัน ตั้งแต่ 11.30 น. – 14.30 น. และมื้อค่ำ ตั้งแต่ 17.30 น. ถึง เที่ยงคืน (ปิดให้บริการทุกวันอังคาร)

สำรองที่นั่ง: +66 (0)2 056 9999

9. Midnight Sneaking Meal In Bed

ขึ้นชื่อว่าเป็นสายกิน ช่วงคาบเกี่ยวระหว่างชั่วโมงเที่ยงคืนถือเป็นเวลาอันตรายที่น้ำตาลในเลือดจะพุ่งทะยานมาก เพราะความอยากอาหารสามารถถูกปลุกขึ้นมาทักทายคุณได้ทุกเมื่อ และก็เป็นจริงอย่างว่า จากการหันไปเห็น Room Service Book บนหัวเตียง และได้พบเข้ากับขุมทรัพย์อย่าง Super Special Late Night Options ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Moon Is Out; The Sun Has Set ให้บริการตั้งแต่ 5 ทุ่มถึง 7 โมงเช้า ซึ่งถือได้ว่าแขกที่เข้าพักทุกคนสามารถทานอาหารภายในโรงแรมได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องก้าวเท้าออกนอกโรงแรมไปหากินข้างนอกให้เหนื่อยเลย

ทางเราก็ทำการออเดอร์มาเบาๆ ไม่เยอะ เริ่มด้วยการปักธงที่ฝั่งอเมริกาใต้กับ Burrito Pork Neck Bowl ตะกร้าใหญ่ แล้วขยับข้ามทวีปมาฝั่งอาหรับด้วย Arabic Feast ถาดย่างรวมตั้งแต่ผักไปยันเนื้อแกะ และจบสวยๆ ด้วยการบินกลับมาสเปนอีกรอบด้วย The Ultimate Churros เสิร์ฟพร้อมช็อกโกแลตและคาราเมลดิป อิ่มพุงหนักตาพร้อมหลับเพื่อตื่นมารับการดูแลจากคิมป์ตันต่อในวันพรุ่งนี้

10. Amaranth Spa by Harnn

จบกิจกรรมวันสุดท้ายก่อนจากคิมป์ตันไปแบบสวยๆ ด้วยอโรมาสปาที่ Amaranth ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ลาวีอองโร้ดขอติดดาวและแนะนำให้ทุกคนที่มีโอกาสไปคิมป์ตันได้ลองสัมผัสประสบการณ์การดูแลตัวเองที่นี่สักครั้ง เพราะมันดีมาก ดีจนยกให้เป็น 1 ในสิ่งที่ดีที่สุดของกิจกรรมต่างๆ ใน Kimpton Maa-Lai เลยก็ว่าได้ค่ะ

สปาที่นี่ร่วมมือกับ HARNN Heritage Spa และ Biologique Recherche จากฝรั่งเศส โดยเน้นทรีตเมนต์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ผสมผสานศาสตร์แผนโบราณของตะวันออกเข้ากับเทคนิคด้านเวชสำอางที่ทันสมัย ความพิเศษคือ HARNN ได้ออกแบบกลิ่นพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามชื่อของสปาคือ ออยล์อโรมากลิ่น Amaranth หรือกลิ่นดอกบานไม่รู้โรย โดยเราได้ลองสปาซิกเนเจอร์อย่าง Siamese Aromatic Body Massage การนวดแผนไทยผสมผสานกับการนวดอโรม่า 90 นาที เหนือสิ่งใดทั้งปวงคือความเชี่ยวชาญของ Masseuse (Therapist) ที่นี่นั้น เต็มร้อยมากๆ เราสามารถเลือกระดับการนวดได้ตั้งแต่ Light-Medium-Hard และน้ำหนักมือที่ได้รับก็จะเป็นไปตามที่เราต้องการ โดยที่ไม่มากไปหรือน้อยไปเลย

หลังจากทำสปาเสร็จ ทางสตาฟฟ์ก็จะพาเรามายัง Relax Room ห้องรับรองสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจหลังจากการทำสปาที่หันหน้าเข้าหาวิวสวนลุมพินีแสนสงบ โดยจะมีน้ำชาและขนมปังขิง รวมทั้งผลไม้แห้งเตรียมไว้ให้ทานเล่นระหว่างการชมวิวสีเขียวตรงหน้า

การกลับมาเยือนคิมป์ตันแต่ละครั้งของลาวีอองโร้ด บอกเลยว่าประทับใจขึ้นทุกครั้ง การบริการที่มีระดับและเป็นมืออาชีพที่นี่กินขาดโดยไม่ต้องสงสัย นอกจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากการตะลุยทานอาหารจาก 4 ห้องอาหารโดยสุดยอดเชฟจากทั่วโลกแล้ว ที่นี่ไม่มีอะไรที่ทำให้เรารู้ผิดหวังเลยสักอย่าง น้ำหนักลงเมื่อไร ลาวีอองโร้ดจะพาแฟนๆ กลับมาซ้ำความประทับที่โฮเทลที่อัดแน่นไปด้วยความสนุกแห่งนี้อีกแน่นอน ส่วนใครที่หลงรัก In-Town Staycation คิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ คือหนึ่งในโรงแรมที่เราอยากให้คุณมาเก็บสะสมไมล์ไว้สักครั้ง

เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม

โทร: +66 (0)2 056 9999 หรืออีเมล spa.kimptonmaalai@ihg.com

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือจองที่พัก Kimpton Maa-Lai Bangkok ได้ที่ https://www.kimptonmaalaibangkok.com/th/

Franc Frankie
ฟรังก์ สุชานันท์ เสมหิรัญ เพิ่งเรียนจบจากนิเทศ จุฬาฯ มาหมาดๆ ปัจจุบันเป็นบีชเกิร์ลที่ชอบเที่ยวทะเลเดือนละหลายครั้ง และใฝ่ฝันอยากทำงานในองค์กรเพื่อสังคม

Leave a Reply