เราไปพักรีสอร์ทแห่งนึงที่พัทลุงมาแล้วมันดีงามมาก…
บอกก่อนว่า ช่วงหลังๆนี่เวลาไปเที่ยว จะจองที่พักที่เป็นบ้านคนค่อนข้างบ่อยเหมือนกัน เพราะคิดว่ามันทำให้เราได้รู้จักท้องถิ่นนั้นๆ ลึกซึ้งขึ้น ได้เจอประสบการณ์ตื่นเต้นว่าเจ้าของบ้านจะเป็นใคร เขาจะคุยกับเราถูกคอไหม ก็เลยค่อนข้างห่างหายจากการพักรีสอร์ทไปพักใหญ่ เพราะรู้สึกว่ามันแมสแล้วก็ธรรมดาไปนิดนึง
แต่สำหรับการมาพัทลุงครั้งนี้ “ปากประ ลากูน รีสอร์ท” คือที่ที่เปลี่ยนความคิดเราให้กลับไปชอบที่พักแบบรีสอร์ทอีกครั้ง
ที่นี่เพิ่งเปิดใหม่ไม่นานค่ะ เมื่อเมษาที่ผ่านมานี้เอง เป็นรีสอร์ทในเครือของศรีปากประ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าตั้งอยู่แถวคลองปากประ พื้นที่ชุ่มน้ำอันอุดมสมบูรณ์ของพัทลุง
เหตุผลที่เราเลือกมาพักที่นี่ก็เพราะว่ามันอยู่ใกล้กับจุดออกเรือไปดูแสงแรก หรือจุดดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าที่สวยที่สุดนั่นเองค่ะ
- อ่านเรื่องท่องเที่ยวพัทลุงได้ที่ > พายเรือไปอาบแสงแรกยามเช้าที่พัทลุง เมืองที่มีดอกบัวสวยที่สุด
เพราะการตื่นเช้ากับเราเป็นสิ่งที่ไปด้วยกันไม่ค่อยได้เท่าไร เราก็เลยอยากหาที่พักที่จะไม่ต้องเสียเวลากับตอนเช้ามาก เรียกว่าตื่นมาแปรงฟันก็เดินไปขึ้นเรือที่คลองข้างรีสอร์ทไปดูแสงแรกได้เลยใน 1 นาที
ตอนเรามาถึงที่นี่ พนักงานที่ฟรอนต์ยิ้มแย้มต้อนรับดีมากค่ะ ไม่รู้ว่าเขาทำเพราะถูกเทรนมาแบบนี้รึเปล่า แต่เรารู้สึกถึงความจริงใจตามแบบฉบับคนใต้ คือพร้อมจะให้ข้อมูลและความช่วยเหลือ ถามเยอะก็ไม่รำคาญ แหะๆ
ห้องพักทั้งหมดมี 20 ห้อง โดยเราเลือกพักที่ “ห้องลำพู” ค่ะ เปิดประตูเข้าไปห้องใหญ่กว้างขวางมาก แต่นี่ยังไม่ใหญ่ที่สุดนะคะ มีห้องโซนด้านหน้าซึ่งใหญ่กว่านี้ และต่างกันตรงที่ห้องน้ำเขาจะมีทั้งฝักบัวและโอ่งมังกร กับขันน้ำตักอาบ ซึ่งเป็นกะลาที่ชาวบ้านทำเองและเขาก็อาบกันแบบนี้จริงๆ
แต่สำหรับเรา ห้องลำพูก็ถือว่าครบถ้วนทุกความต้องการ ตกแต่งด้วยไม้ หิน และใบจาก ให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ เตียงและหมอนก็นุ่มสบายกำลังดีจนรุ่งขึ้นเราต้องเดินไปถามว่าเขาใช้ยี่ห้อของอะไร อยากจะซื้อไปใช้ที่บ้านบ้าง
ห้องลำพูมีระเบียงที่ยื่นออกไปในคลองให้เราออกไปนั่งชิลบนชิงช้า แต่ตอนกลางคืนอย่าเปิดประตูระเบียงทิ้งไว้นะคะเพราะแมลงมาเยอะ ส่วนห้องน้ำก็สามารถเปิดประตูบานเลื่อนออกไปรับอากาศธรรมชาติด้านนอกได้ ทุกอย่างสะอาดสะอ้านและจัดมาเป็นอย่างดี
ความน่ารักอีกอย่างในห้องก็คือเขาแขวนหมวกและกระเป๋าสะพายใบใหญ่ซึ่งทำจากกระจูด งานฝีมือขึ้นชื่อของพัทลุงเอาไว้ด้วย สาวๆ เอาไปใช้ได้เลย (แต่อย่าลืมเอากลับมาคืนด้วย)
โซน breakfast ออกแบบรูปร่างมาคล้ายๆ เครื่องมือจับปลา ถ้าวันที่แขกเข้าพักไม่เยอะ เขาจะทำอาหารเช้าแบบ american breakfast มาให้เป็นออร์เดอร์ไป แต่ถ้าวันไหนคนเยอะก็จะจัดบุฟเฟต์ เราโชคดีมาก นอน 2 คืน ก็เลยได้ลองทั้ง 2 แบบ ต้องบอกว่าบุฟเฟต์เขาหลากหลายมาก โดยเฉพาะอาหารพื้นบ้านอย่างขนมจีนซึ่งจริงๆ เป็นของขึ้นชื่อของนครศรีธรรมราช แต่พอมาอยู่พัทลุง น้ำขนมจีนก็จะต่างไป ความเข้มข้นและรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ต่อด้วยข้าวยำซึ่งใช้ข้าวสังข์หยดพันธุ์พื้นเมืองของพัทลุง แล้วก็ยังมีข้าวเหนียวไก่ทอด แต่อันนี้เราไม่ทันอ่ะ คือเดินถ่ายรูปอยู่ดีๆ หันมาอีกทีอ้าว! หมดแล้ว ล้องห้าย T-T
ทานข้าวเช้าเสร็จ เอาโน๊ตบุ๊กมานั่งทำงานตรงล็อบบี้ค่ะ สงบมาก มองไปเป็นวิวทุ่งนาสีเขียวสบายตา สั่งเครื่องดื่ม เช่น กาแฟ หรือโซดาต่างๆ มาด้วยก็ได้ พวก co-working space เก๋ๆ ในกรุงเทพฯ บางทีก็สู้ไม่ได้นะคะ
หรือจะยืมจักรยานไปขี่เล่นก็ได้ ทางรีสอร์ทก็มีจัดเตรียมไว้ให้ แต่เราเป็นอะไรไม่รู้ ทางก็ออกจะกว้างแต่ชอบจะเลี้ยวลงคลองอยู่เรื่อย
ปิดท้ายกันที่ความพีคที่สุดของปากประลากูนเลยค่ะ นั่นก็คือสระว่ายน้ำ เพราะขณะที่ว่ายน้ำอยู่ในสระ เราสามารถมองออกไปเห็นยอในทะเลหลวงของทะเลสาบสงขลาได้ ยอขนาดใหญ่ซึ่งเป็นเครื่องมือจับปลาของชาวบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ของพัทลุง ว่ายน้ำในสระไป มองทะเลสาบอันกว้างใหญ่ไป ไม่มีอะไรผ่อนคลายกว่านี้แล้ว
ใครไปพัทลุงอย่าลืมแวะไปพักที่ปากประ ลากูน เพราะถึงแม้จะเป็นรีสอร์ท แต่ก็ทำให้เราสัมผัสวิถีชีวิตพื้นบ้านของพัทลุงได้ในทุกรายละเอียด ตั้งแต่หมวกและกระเป๋าสานกระจูดในห้องพัก เสื้อย้อมครามฝีมือของชาวบ้านที่นำมาวางขายตรงล็อบบี้ เมนู breakfast ข้าวสังข์หยด และยังได้เห็นวิวยออย่างใกล้ชิด ที่สำคัญ การนอนพักที่นี่ทำให้เราได้เห็นแสงแรกของวันในจุดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของพัทลุงด้วย
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม Pakpra Lagoon ได้ที่ https://www.facebook.com/pakpralagoon/
