อีกหนึ่งรีสอร์ทระดับ 5 ดาวของหัวหินที่น่าไปพักช่วงวีคเอนด์นี้
ในวันที่เราอยากจะพักใจและคิดอะไรไม่ออก หัวหินคือจุดหมายแรกๆ ที่เราจะคิดขึ้นมาเสมอ มันเป็นสถานที่พักผ่อนที่มีทะเลสะอาดๆ มีคาเฟ่ดีๆ หลายแห่ง มีร้านอาหารอร่อย มีภูเขาให้ดูระหว่างทางขับรถ แล้วก็มีโรงแรมดีๆ เยอะมากๆ และถ้าจะให้นึกถึงหนึ่งในที่พักหัวหินที่เคยไปมาแล้วประทับใจมากๆ ก็คือ Mövenpick Asara Resort & Spa Hua Hin
จำได้ว่าวันนั้นขับรถไปจากกรุงเทพฯ ในวันศุกร์เย็น ซึ่งพอหนีรถติดและฝนตกมาได้แล้ว สิ่งแรกที่เราทำหลังจากเลี้ยวเข้าเมอเวนพิค อัสสรา รีสอร์ท แอนด์ สปา หัวหิน ก็คือ มีพนักงานเดินมาดูแลเรื่องเช็คอินให้ถึงโซฟาที่นั่งรอตรงล็อบบี้ เสิร์ฟน้ำสมุนไพรพร้อมไอศกรีมและผ้าเย็นๆ หอมๆ แล้วก็พาไปเข้าสปาเลย
เมอเวนพิค ตั้งอยู่ที่หัวหินซอย 5 ถ้าพูดถึงมาตรฐานแล้วก็ต้องบอกว่าระดับ 5 ดาว เป็นไฮเอนด์ ล็อบบี้โอ่โถงและกว้างใหญ่ ออกแบบมาให้โปร่งโล่ง รับลมธรรมชาติ และมีที่นั่งเยอะมากๆ อยู่ตามมุมต่างๆ เหมาะกับ Social Distancing
ภายในรีสอร์ทเราจะเห็นต้นไม้ใหญ่มากมาย ร่มรื่นไปหมด เป็นบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเงียบสงบตลอดเวลา ห้องพักทั้งหมด 96 ห้อง จะแบ่งเป็นห้องสวีท 44 ห้อง และพูลวิลล่า 52 ห้อง ซึ่งแน่นอนว่าเราพักแบบไพรเวท พูล วิลล่า เพื่อความเป็นส่วนตัว และก็ได้พบว่าวิลล่ากว้างขวางมาก โดยมีพื้นที่ถึงกว่า 150 ตารางเมตรเลยทีเดียว เหมือนมานอนบ้านเดี่ยวริมทะเลยังไงอย่างงั้น
มาดูความชิลของวิลล่าส่วนตัวกัน
ในห้องพักจะแบ่งเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น มีประตูกระจกล้อมรอบ ซึ่งบนโต๊ะเขาก็เตรียมผลไม้ไว้ให้ชามใหญ่ และก็ส่วนของห้องนอน ที่มีทีวีจอใหญ่ และมองไปก็เห็นสระว่ายน้ำส่วนตัว ความลึก 1.5 เมตร ที่พร้อมจะตื่นมาตอนเช้า เปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำ แล้วก็ลงสระไปได้เลย วันไหนถ้าหากอากาศดี เราสามารถนั่งทานอาหารเช้าริมสระว่ายน้ำในวิลล่าของตัวเองได้ด้วย
มาต่อกันที่ห้องน้ำ เขาแยกคนละฝั่งระหว่าง shower กับห้องสุขา โดยมีอ่างอาบน้ำอยู่ตรงกลาง ซึ่งเราสามารถเปิดมู่ลี่ไว้ดูวิวต้นไม้ด้านนอกเวลานอนแช่อ่างก็ได้ หรือใครอยากจะออกไปอาบในโซนเอาท์ดอร์ก็ได้เหมือนกันนะ พวกโปรดักต์ในห้องน้ำ เขาใช้ของ Erb ค่ะ ยังคงเน้นความหอมแบบธรรมชาติ
สปาซิกเนเจอร์กับการใช้เกลือหิมาลายันเพื่อสุขภาพ
สำหรับสปา Asara Spa ก็ถือว่าเป็นอีกอย่างที่เราภูมิใจนำเสนอเลย เพราะบริการน่าประทับใจ อย่างที่บอกไปว่าเรามีโอกาสเข้าสปาตั้งแต่มาถึงวันแรกที่มาถึง หลังจากขับรถจากกรุงเทพฯมา 2 ชั่วโมง แล้วเจอบรรยากาศสปาของที่นี่เข้าไปก็หายเหนี่อยแบบไม่ต้องพูดมาก โดยห้องสปาจะแบ่งเป็นห้องส่วนตัว 4 ห้อง และห้องสวีทสปา 2 ห้อง ทั้งแบบห้องแอร์และโอเพนแอร์ เปิดทำการตั้งแต่ 10.00-21.00น.
เริ่มจากการเอาน้ำอัญชันมาเสิร์ฟและมีเธอราพิสต์มาให้คำแนะนำเรื่องการนวดที่เข้ากับสุขภาพของเรา โดยเราเลือกโปรแกรม Himalayan Salt Thermal Therapy ซึ่งเป็นการนวดน้ำมันออร์แกนิก ผสานกับเทคนิคของการนวดโดยใช้เกลือหิมาลายันร้อนและเย็น ประโยชน์ของเกลือนี้ก็คือกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยลดอาการปวดเมื่อยของร่างกาย ปรับสภาพผิวให้นุ่มชุ่มชื้น และที่สำคัญช่วยให้หลับสบาย นี่คือครั้งแรกที่เราได้ลองนวดแบบนี้ และก็ติดใจไปเลย
ร้านอาหารหลากหลายสไตล์ในรีสอร์ท
ช่วงเย็น แนะนำว่าให้ทุกคนไปนั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศโรแมนติกริมทะเลกันที่ Ocean Bar จิบค็อกเทลสักแก้ว แล้วปล่อยตัวไหลไปกับเบาะนุ่มๆ มองคลื่นทะเลซัดเข้าฝั่ง ไม่มีอะไรจะผ่อนคลายกว่านี้แล้ว ก่อนจะมาจัดเต็มกันที่ ห้องอาหารก้ามปู ซึ่งให้บริการแบบ all day dining ตั้งแต่มื้อเช้าไปจนถึงมื้อค่ำ ความเด็ดอยู่ที่อาหารไทยและอาหารฝรั่งเศส ถ้าชอบทานซุปหัวหอม ที่นี่คือได้รสชาติแบบฝรั่งเศสจริงๆ หรือจะเป็น Pizza Bouillabaisse หน้าซีฟู้ด กุ้งหอยปูปลามาครบ ไปจนถึงของหวานแบบฝรั่งเศสน่ารักๆ นอนหลับฝันดีไปเลย
- ในวันที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ แนะนำร้านอาหารและที่พักอีกแห่งที่น่าสนใจในหัวหิน > Let’s Sea Hua Hin
ในตอนเช้า ถ้าใครออกมาเดินเล่นชายหาด หรือออกมาวิ่งออกกำลังกาย ก็จะได้เห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยมากๆ และห้องอาหารก้ามปูนี้เอง ก็เป็นที่เสิร์ฟอาหารเช้าเช่นกัน สิ่งที่เราชอบก็คือเขามีขนมปังรสชาติดีให้เลือกหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นครัวซองต์ บาแก็ตต์ ไปจนถึงพวกแพนเค้ก วาฟเฟิล เฟรนช์โทสต์ ก็สั่งทำ made to order ได้เลย และถ้าชอบแบบอาหารเช้าไทยๆ ก็มีข้าวผัด ข้าวต้ม วุ้นเส้น ก๋วยเตี๋ยว และผัดผักต่างๆ เป็นมื้อเช้าที่เอาจริงๆ ก็แทบจะอิ่มเลยเที่ยงไปเลยล่ะ
อีกไฮไลท์หนึ่งของห้องอาหารก้ามปู เขามีบุฟเฟต์ช็อกโกแลตฟรีช่วง 15.00-16.00น. คนรักช็อกโกแลตจะฟินสุดๆ เพราะมีทั้งฟองดูว์ ผลไม้สด คุกกี้ เค้ก และมาร์ชเมลโลว์ บริการนี้จัดให้ฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายได้เพิ่มเติม
สุดท้ายนี้ที่เราแนะนำให้ทุกคนต้องมาลองสักครั้งให้ได้ ก็คือ ห้องอาหารบ้านดำ ซึ่งเป็นร้านอาหารอีกแห่งหนึ่งของโรงแรมแต่เปิดให้คนทั่วไปเข้ามาทานได้เช่นกัน สำหรับแขกโรงแรมสามารถเดินเลียบเลาะหาดออกไปด้านข้างได้ ส่วนลูกค้าด้านนอก ก็สามารถเข้ามาจอดรถได้ที่ร้านเลย
ความเก๋คือที่นี่เป็นบ้านไม้เก่าแก่สองชั้นที่สร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 สไตล์จึงแตกต่างไปจากร้านอาหารอื่นในรีสอร์ทเลย เปิดตั้งแต่มื้อเที่ยงถึงมื้อค่ำ และแน่นอนว่าอาหารไทยและซีฟู้ดของเขาคัดสรรวัตถุดิบสดๆ จากตลาดท้องถิ่น มาปรุงโดยเชฟระดับ 5 ดาว เช่น ปูผัดพริกไทยดำ แกงปูใบชะพลู กุ้งคั่วพริกเกลือ หอยนางรมสดๆ ฯลฯ
ยังไงก็ตาม หัวหินแม้จะเป็นที่ที่มาบ่อย แต่ก็เป็นที่เรามีความสุขเสมอ และเมอเวนพิคก็เป็นที่พักที่อยู่ในลิสต์แรกๆ ของเราเลย เพราะความเป็นส่วนตัวที่ทำให้เรารู้สึกแทบไม่ต่างกับการอยู่บ้าน สิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบครัน และพนักงานก็บริการดีมาก ที่สำคัญ อยู่ในราคาที่คุ้มค่า ช่วยเติมเต็มการพักผ่อนช่วงวีคเอนด์ของเราได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือจองที่พักได้ที่ Mövenpick Asara Resort & Spa Hua Hin
Photos courtesy of Mövenpick Asara Resort & Spa Hua Hin