ย่างกุ้งคือเมืองหลวงเก่าพม่าที่ยังคงเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและการใช้ชีวิตของผู้คน ยิ่งกว่าเมืองหลวงใหม่ซะอีก เสียงบีบแตรบนถนนกับการขับรถที่แลดูไม่กลัวอะไรเลยของคนที่นี่คือความทรงจำที่ยังจำได้ไม่ลืมตั้งแต่ครั้งแรกที่เคยมาย่างกุ้งเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
ครั้งนี้เรามีโอกาสมาเล่นดนตรีที่นี่อีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าต้องโหลดเครื่องดนตรีไปใต้ท้องเครื่อง ก็เลยอยากเลือกสายการบินที่เคยโหลดแล้วไม่มีปัญหา ยอมจ่ายเพิ่มนิดนึง ไปกลับประมาณ 6 พันบาท แต่สบายใจกว่า ก็เลยเช็คตั๋ว Bangkok Airways ในเว็บต่างๆ พบว่าจองจาก Traveloka ราคาถูกที่สุด หลังๆ ได้ยินว่าผู้คนมากมายก็นิยมจองจากเว็บนี้กัน เพราะสะดวกแล้วยังมี call center 24 ชั่วโมงด้วย มีปัญหาอะไรตอนไหน ไม่ต้องกังวล โทรไปได้เลย
จองตั๋วเครื่องบินไปพม่ากับ Traveloka — https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Yangon.RGN/1
หรือ
ทางไปจองตั๋วเครื่องบิน Bangkok Airways กับ Traveloka — https://www.traveloka.com/th-th/bangkok-airways
ด้วยความที่มาทำงาน แต่มาถึงล่วงหน้า 1 วันตั้งแต่เช้าตรู่ ก็เลยนั่ง search ว่าจะทำอะไรดีเมื่อมีเวลาแค่นี้ และก็ได้คำตอบว่า “ไปนั่งรถไฟเล่นรอบย่างกุ้งสิแก 5 บาท” อ่านไม่ผิดคร่า ราคา 200 จ๊าด เป็นรถไฟที่แล่นเป็นวงกลมจาก Central Railway Station ใจกลางเมืองย่างกุ้ง ใช้เวลา 3 ชั่วโมงก็จะกลับมาที่เดิม ชมวิวสองข้างทางไปเพลินๆ ได้เห็นวิถีชีวิตของคนพม่าด้วย
คนพม่าที่จ้างเรามาเล่นดนตรี ออกแนวเหวอนิดหน่อย เมื่อเราบอกว่าจะไปขึ้นรถไฟนี่ เขาบอกว่ามันสกปรกและเหม็นมากโดยเฉพาะที่สถานี แต่ด้วยความดื้อ เราก็อยากออกสำรวจ โดยทำใจไว้ก่อนว่าพม่าเป็นประเทศที่ยังไม่พัฒนา การดูแลความสะอาดเรียบร้อยก็จะไม่ได้ดีมากนัก แต่สิ่งที่เราจะได้เห็นก็คือความเรียล เราอยากรู้คนที่นี่เขาเดินทาง กินอยู่ และใช้ชีวิตประจำวันกันยังไง
เราเริ่มต้นกันที่สถานี Yangon Central Railway Station สถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในประเทศพม่า ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ซึ่งคนย่างกุ้งเขายังใช้สัญจรไปมา เทียบได้กับสถานีรถไฟหัวลำโพงบ้านเรา สร้างมาตั้งแต่ปี 1877 โดยอังกฤษที่สมัยนั้นเป็นเจ้าอาณานิคม และก็ถูกทำลายโดยอังกฤษเองนั่นแหละเมื่อปี 1943 ก่อนจะได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ด้วยสถาปัตยกรรมแบบพม่า เดินมาถึง เจอด้านนอกสวยคลาสสิกมาก ตัวตึกสีขาว เราเข้าไปดูข้างในกันค่ะว่าเป็นยังไง
ก็ตามที่คนพม่าบอกมาเลยค่ะ ด้านในจะเขรอะๆ นิดนึง เหม็นฉี่บ้างเป็นบางจุด แต่เราไม่ต้องสนใจ เดินข้ามๆ ไป เลี้ยวขึ้นบันไดไปซื้อตั๋ว Circular Train กันดีกว่า เดินไปให้ถึงชานชาลาที่ 6 กับ 7 ห้องขายตั๋วจะอยู่บริเวณนั้น
เราเซอร์ไพรซ์มากเมื่อเห็นรถไฟที่จอดอยู่ที่ชานชาลา มีสัญลักษณ์รถไฟ JR ของญี่ปุ่น ใช่แล้วค่ะ รถไฟนี่ก็ได้มาจากที่ญี่ปุ่นนั่นเอง ลักษณะคล้ายๆ รถไฟชั้น 3 ของบ้านเรานี่แหละ ที่นั่งเป็นสองฝั่งหันหน้าเข้าหากัน มีคนขึ้นมาขายของไม่ขาดเลยตามแต่ละสถานีที่ รถไฟจะวิ่งจากในเมืองไปสู่ชานเมือง แล้วก็วนกลับมาที่เดิม ทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จอดแค่สถานีละ 2 นาที
นั่งไปเพลินๆ บางทีถ้าเราเห็นสถานีไหนดูน่าสนใจเราก็ลงไปเดินเล่น ดูตลาด ดูคน แล้วก็กลับมาขึ้นที่สถานี อย่าลืมเช็ครอบเวลารถไฟให้ดีนะ จะได้ไม่ต้องรอรถไฟทิ้งช่วงนาน
สุดท้ายเราวนกลับมาที่สถานีเดิม และเรียกรถไปเจดีย์ชเวดากอง ต้องบอกว่าตอนพระอาทิตย์ใกล้ตก ที่นี่สวยงามมากๆ เลยค่ะ ตัวเจดีย์เหลืองทองอร่าม ตัดกับสีท้องฟ้าที่ค่อยๆ เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ โดยมีนกบินไปบินมา เป็นบรรยากาศที่ขลังและน่าจดจำสุดๆ
เราสัมผัสได้ถึงความศรัทธาในพุทธศาสนาของคนพม่าที่ยังเคร่งสุดๆ และถึงใครจะบอกว่าย่างกุ้งวุ่นวายแค่ไหน หรือเที่ยวลำบากยังไง เราว่ามันก็มีแง่มุมที่มีเสน่ห์อยู่นะ บางเรื่องเราไม่ต้องการความเพอร์เฟ็กต์ แต่เราต้องการสัมผัส ‘ชีวิต’