สิงคโปร์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่คนไทยไปเที่ยวเยอะหลังจากผ่อนคลายมาตรการเดินทางระหว่างประเทศช่วงโควิด เพราะเดินทางไม่ไกล นั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯเพียง 2 ชั่วโมงครึ่ง เราก็จะได้มาสัมผัสบรรยากาศที่เป็นระเบียบเรียบร้อยของประเทศสิงคโปร์และสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย
ล่าสุดตั้งแต่ปลายปี 2022 ตม.สิงคโปร์ก็อนุญาตให้คนไทยสามารถใช้ช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Automated Gate) ได้แล้ว เพียงแค่นำพาสปอตและบอร์ดดิ้งพาสไปสแกนที่ช่องอัตโนมัติ ไม่ต้องยืนต่อคิวกับช่องเจ้าหน้าที่ให้เสียเวลา โดยมีเงื่อนไขคือ ต้องถือพาสปอร์ตไทย อายุเหลือมากกว่า 6 เดือน มีอายุ 6 ปีขึ้นไป มาสิงคโปร์ไม่น้อยกว่า 2 ครั้งในปีที่ผ่านมา สามารถไปลงทะเบียนที่สำนักตรวจคนเข้าเมืองสิงคโปร์ (ICA) อาคารผู้โดยสาร 3 ( Terminal 3) ของสนามบินชางงี และตามจุดบริการต่างๆภายในสนามบินชางงี ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีเท่านั้น แนะนำให้สอบถามที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสนามบินชางงีตั้งแต่มาถึงขาเข้า ก่อนถึงจุดตรวจคนเข้าเมือง
เพื่อนคนไทยของเราหลายคน หรือแม้แต่เพื่อนที่เป็นคนสิงคโปร์เอง เขามีคำถามเสมอว่า “มาเที่ยวสิงคโปร์ทำไม ไม่เห็นมีอะไรเลย” ในเมื่อเมืองไทยมีที่เที่ยวหลากหลายกว่า ราคาถูกกว่า แล้วก็เหมือนจะสนุกกว่า มันก็จริงของเขาเพราะสิงคโปร์เป็นประเทศเล็กๆ ถ้าเทียบให้ใกล้เคียงก็คือ พื้นที่ทั้งประเทศเขาน่ะประมาณครึ่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เท่านั้นเอง แต่สิงคโปร์ก็เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ผู้คนมีรายได้สูงเป็นอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระบบการศึกษามีคุณภาพ ระบบขนส่งมวลชนรวมถึงกฎระเบียบต่างๆ ก็คือไปไกลแล้ว และเอาจริงๆ สำหรับค่าครองชีพที่ว่ากันว่าแพง หากพิจารณาเรทเงินเดือนโดยเฉลี่ยของคนที่นี่ประมาณหลักแสนบาทต่อเดือนแล้ว มันก็ไม่ได้ถือว่าแพงสำหรับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นนะ
นั่นล่ะ…เหตุผลของการมาเที่ยวสิงคโปร์สำหรับเรา… บางครั้งเราก็อยากพาตัวเองมาแวดล้อมไปด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสะดวกสบายบ้าง แบบเดินไปไหนมาไหนก็ปลอดภัย และเราก็อยากรู้ด้วยว่าหลังผ่อนคลายมาตรการโควิด ที่นี่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
เดินทางจากกรุงเทพฯ-สิงคโปร์
เราเดินทางในช่วงเดือนตุลาคม 2022 โดยสารการบิน Thai Vietjet เนื่องจากราคาประหยัด ไม่ว่าใครก็บินกับไทยเวียตเจ็ทได้ (ถ้ายิ่งได้ราคาช่วงโปรก็ยิ่งคุ้มมาก) บินสะดวกเพราะมีไฟลท์บินตรงจากสนามบินสุวรรณภูมิไปลงชางงีแอร์พอร์ตทุกวัน วันละสองเที่ยวบิน ถือว่ามีเที่ยวบินให้เลือกมากกว่าที่อื่น (ขาไปจากกรุงเทพฯ 6.30-9.55 และ 9.45-13.10, ขากลับจากสิงคโปร์ 11.00-12.20 และ 14.10-15.30) เวลาดีมาก และถ้าหิวก็มีบริการสั่งอาหาร เครื่องดื่ม บนเครื่องได้ด้วย เช็คราคาและจองตั๋วได้ที่ https://th.vietjetair.com/
เอกสารการเดินทาง: พาสปอร์ต (อายุเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือน), ใบรับรองวัคซีน (แบบเล่มหรือโชว์จากแอพฯหมอพร้อมก็ได้) และกรอกเอกสารเข้าเมืองแบบออนไลน์ SG Arrival card ดาวน์โหลดได้ที่ https://eservices.ica.gov.sg/sgarrivalcard สามารถกรอกได้ล่วงหน้า 3 วันก่อนเดินทาง จะมีอีเมลมาอนุมัติค่อนข้างเร็ว
ไฟลท์บิน: บินกับ Thai Vietjet นั้นสะดวกในการเช็คอินมากๆ เราแนะนำให้ทุกคนเช็คอินออนไลน์ก่อนเดินทาง 1 วัน แล้วถ้ามีสัมภาระก็ค่อยไปโหลดที่เคาน์เตอร์ ซึ่งจะประหยัดเวลาขึ้นเยอะ เราเลือกไฟลท์เช้าตรู่ ออกจากสุวรรณภูมิ 6.30 ไปถึงสิงคโปร์ 9.55 ตามเวลาท้องถิ่น ลงไปที่ Terminal 4 ซึ่งเขาเพิ่งจะเปลี่ยนมาเทอร์มินัลนี้ไม่นาน หากใครจะเข้าเมืองโดยรถไฟ ก็ต้องนั่ง shuttle bus ไปลงที่ Terminal 3 จะเชื่อมต่อกับ MRT เลย
แลกเงิน: เราใช้ SCB Planet card แลกเก็บเป็นเงิน SGD เอาไว้ (เรทดีพอๆ กับ Superrich เลย และดีกว่าใช้บัตรเครดิตด้วย เพราะไม่ชาร์จค่าส่วนต่างอัตราแลกเงิน) เวลาใช้สามารถแตะบัตรได้ทั้งร้านอาหาร ช็อปปิ้ง รวมถึงรถไฟ MRT ที่ใช้แทนตั๋วได้เลย ไม่ต้องไปต่อแถวซื้อที่ ticket machine ดีงามมาก ส่วนรถเมล์ก็ใช้ได้เช่นกัน แต่ต้องแตะ 2 ครั้ง ตอนขึ้นรถและตอนลงรถ) เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ขี้เกียจซื้อบัตร EZ link (บัตรเดินทางในสิงคโปร์ (แบบเติมเงิน) ที่รวมทั้งรถไฟ MRT รถเมล์ รถราง และซื้อของในร้านสะดวกซื้อ)
เวลา: เวลาท้องถิ่นของสิงคโปร์เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง
ซิมการ์ด: เราซื้อแพ็กเกจ Internet ของ AIS Sim2Fly เน็ตเร็วแรงดีค่ะ
10 ที่เที่ยว-ที่กินในสิงคโปร์ฉบับอัพเดทปี 2022-2023
การเดินทางท่องเที่ยวในสิงคโปร์เป็นอะไรที่สะดวกสบายมากๆ เพราะระบบขนส่งมวลชนที่เป็นระเบียบ ตรงเวลา มีรถไฟ MRT และรถเมล์ที่สะอาด แอร์เย็นฉ่ำ และถนนหนทางก็ไม่มีขยะสักชิ้น เนื่องจากค่าปรับเขาแรงมากสำหรับคนที่ทิ้งขยะไม่เป็นที่ แล้วก็คนที่ข้ามถนนนอกทางม้าลายด้วย
อยากไปไหน กด Google maps มันจะบอกตัวเลือกวิธีการเดินทางมาให้หมด
นี่ถือเป็นการมาสิงคโปร์ครั้งแรกหลังโควิดของเรา รู้สึกทุกอย่างแปลกๆ ตานิดหน่อยค่ะ และคนที่นี่ไม่ค่อยสวมแมสก์กันแล้ว เขาดูชิลกว่าคนไทยเยอะเลย แต่ถ้าเซฟๆ เราจะใส่ไว้ก่อน ก็ไม่รู้สึกแปลกแยกนะคะ
1 Jewel Changi
บินมาลงสนามบินชางงีแล้ว ถ้ามีเวลาเหลือ ก่อนเข้าเมืองแนะนำให้นั่งชัทเทิลบัสมาลงที่อาคาร 1 ก่อน และห้าง Jewel ก็จะอยู่ตรงข้ามเทอร์มินัล 1 เลย แวะมาถ่ายรูปน้ำตกสุดอลังการซึ่งเป็นแลนด์มาร์กของสิงคโปร์ แล้วจะกินข้าวต่อ ก็มีร้านอาหารในห้างให้เลือกมากมาย
2 น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง Fountain of Wealth (Suntec city)
น้ำพุขนาดใหญ่ที่ได้รับการบันทึกลงกินเนสบุ๊กว่าเป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในกลุ่มอาคารซันเทค ซิตี้ สามารถนั่ง MRT มาลงสถานี Esplanade ผู้คนนิยมแวะมาขอพรเพื่อความมั่งคั่งทางการเงิน เนื่องจากกลุ่มอาคารทั้ง 5 ของ Suntec city ที่ตั้งอยู่ในย่านเศรษฐกิจหลักของประเทศ ได้รับการออกแบบตามหลักฮวงจุ้ยจีนที่สมบูรณ์แบบ เปรียบเหมือนนิ้วมือทั้ง 5 ที่โอบล้อมน้ำพุ ซึ่งก็เหมือนเงินที่อยู่ในกำมือ ลักษณะน้ำพุจะเป็นวงแหวนทองแดงที่มีเส้นรอบวง 66 เมตร ตามความเชื่อความสมดุลของโลหะและน้ำ ซึ่งเป็นเส้นทางนำไปสู่ความสำเร็จ ตัวน้ำพุหลักอยู่ตรงกลาง และมีน้ำพุเส้นเล็กๆ อยู่รอบๆ เอาแค่มาสัมผัสละอองน้ำที่นี่ก็เชื่อกันว่าจะได้รับโชคลาภ มั่งคั่ง ร่ำรวยกันไปตลอดทั้งปีแล้ว หรือถ้าจะให้ปังๆ ยิ่งขึ้นไปอีกก็สามารถทำการอธิษฐานขอพร และเดินวนรอบน้ำพุ 3 รอบ พร้อมกับยื่นมือไปสัมผัสน้ำ เปิดให้เข้า 3 รอบต่อวัน ได้แก่ 10.00-12.00น., 14.00-16.00น. และ 18.00-19.30น. นอกจากนี้ยังมีการแสดงแสงสี เลเซอร์ประกอบดนตรีในช่วงค่ำคืนทุกวัน ตั้งแต่ 20.00-2100น. เข้าชมฟรี
3 อุโมงค์ต้นไม้ Fort Canning park
ใกล้สถานีรถไฟ Dhoby Ghaut ทางออก B เดินมา 5 นาทีจะพบจุดถ่ายรูปสุดฮิปในสวนสาธารณะใจกลางเมือง อย่าง Fort Canning Park แนะนำให้มา 7-8 โมงเช้า แสงกำลังสวย และคนก็ยังไม่เยอะมาก ตรงจุดที่เรียกว่า Tree Tunnel เป็นอุโมงค์ที่จะมีต้นไม้อยู่ทางซ้ายและแผ่กิ่งก้านมาปกคลุมอุโมงค์ ทำให้เหมือนมันลอยอยู่ด้านบน ก็ครีเอทวิธีถ่ายรูปกันตามสะดวกเลย เข้าชมฟรี
4 Singapore National Museum
ใกล้ๆ Fort Canning Park เราจะพบกับพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดของสิงคโปร์ ภายนอกเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามสไตล์นีโอคลาสสิก สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1887 ด้านในจัดแสดงนิทรรศการทั้งแบบชั่วคราวและถาวร โดยมีประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตในแง่มุมต่างๆ ของสิงคโปร์ โซนนี้เข้าชมได้ฟรี ส่วนโซนนิทรรศการหมุนเวียนจะเป็นงานศิลปะของศิลปินทั้งท้องถิ่นและระดับโลกมาแสดงผลัดเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เก็บค่าเข้าชม
5 National Gallery Singapore
หลายคนชอบสับสนระหว่างที่นี่กับ National Museum แต่ต้องบอกว่า National Gallery Singapore หรือหอศิลป์แห่งชาติสิงคโปร์นี้จะเน้นไปที่การจัดแสดงงานศิลปะสมัยใหม่ของทั้งในสิงคโปร์เองและประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีมากกว่า 8,000 ชิ้น ความอลังการอยู่ตรงที่มันตั้งอยู่ในอาคารที่อดีตเคยเป็น City Hall (ศาลาว่าการ) และ Supreme Court (ที่ทำการศาลฎีกา) เป็นสัญลักษณ์เหมือนการที่สถาบันระดับสูงของชาติหลีกทางให้กับศิลปะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดเกลาและยกระดับจิตใจของผู้คน และแน่นอนว่าเขาซัพพอร์ตการศึกษาศิลปะให้กับเด็กๆ รวมทั้งยังจัดกิจกรรมเกี่ยวกับศิลปะหมุนเวียนอยู่ตลอดในแต่ละปี เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ศิลปินรุ่นใหม่และผลักดันให้วงการศิลปะร่วมสมัยของสิงคโปร์ก้าวหน้าขึ้นไป เปิด 10.00-19.00น. ลงสถานีรถไฟ City Hall
6 China Town
ไชน่าทาวน์เป็นอีกย่านที่เราชอบมากในสิงคโปร์ เพราะบรรยากาศคึกคัก มีชีวิตชีวาตลอด มีตึกเก่าสีพาสเทลสวยๆ ที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมบาโรกและวิกตอเรีย เรียงรายไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ ซึ่งจะมีโซนถนนคนเดินให้เราสามารถช็อปปิ้งเสื้อผ้า ขนม ของที่ระลึก ในราคาที่ไม่แพงมากเมื่อเทียบกับย่านอื่นๆ ของสิงคโปร์ แล้วก็ยังมีสถานที่สำคัญอย่างเช่น วัดแขก (Sri Mariamman Temple) วัดฮินดูที่เก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์ วัดพระเขี้ยวแก้วและพิพิธภัณฑ์ เป็นวัดพุทธศาสนา คนไทยหลายคนก็นิยมแวะมาไหว้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
รวมร้านของกินในไชน่าทาวน์
- Mei Heong Yuen Dessert ร้านของหวานเก่าแก่ระดับตำนานที่อยู่คู่กับไชน่าทาวน์มาช้านาน อยู่ที่ถนน Temple street มีของหวานให้เลือกหลายสิบเมนูเลย เช่นพวกถั่วแดง ลอดช่องสิงคโปร์ บิงซูลอดช่องถั่วดำ น้ำแข็งไสมัทฉะถั่วแดง น้ำแข็งไสสตรอว์เบอร์รี่ น้ำแข็งไสมะม่วง ท็อปปิ้งผลไม้ต่างๆ หรือแม้แต่ไข่ปลาแซลมอน ฯลฯ ให้เราเดินไปสั่งและจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ และเขาจะมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ร้านมีทั้งโซนห้องแอร์และไม่แอร์ เปิด 12.00-21.30
- Shang Hai Fried Xiao Long Bao หนึ่งในร้านเสี่ยวหลงเปาเจ้าดังของสิงคโปร์ ร้านนี้อยู่ Chinatown complex ชั้น 2 เป็นร้านสตรีทฟู้ดที่คนต่อคิวยาวใช้ได้เลย แต่รับรองว่าคุ้มค่าถ้าได้มาชิม เขาเน้นเมนูติ่มซำเป็นหลัก ปั้นแป้งสดใหม่ แค่เดินมาใกล้ๆ ร้านก็ได้กลิ่นหอมแล้ว สิ่งที่ห้ามพลาดเลยก็คือ เกี๊ยว ซาลาเปาทอด และเสี่ยวหลงเปา อร่อยฉ่ำ น้ำซุปหวานหอม
- French Fold Telok Ayer ร้านอาหารฝรั่งเศสที่เปิดให้บริการทั้งวัน มีเมนูอาหารเช้า บรันช์ มื้อเที่ยง ของว่างยามบ่าย และดินเนอร์ แนะนำเมนูสลัด ครัวซองต์ ขนมปังช็อกโกแลต โฮมเมดกราโนลา Galette เครปทั้งคาวหวาน รวมไปถึงเบเกอรี่ฝรั่งเศสต่างๆ หรือแม้แต่ถ้าใครแค่อยากมานั่งจิบคาเฟ่ จิบไวน์ พูดคุยกับเพื่อน และดูคนเดินผ่านไปมา บรรยากาศที่นี่ก็ชิลมาก สำคัญคือร้านนี้ไม่รับเงินสดนะ ใช้บัตรเดบิต เครดิต เท่านั้น
7 Live Twice บาร์ค็อกเทลฟีลญี่ปุ่น
บาร์ค็อกเทลแห่งนี้ เราได้รับการแนะนำจากคนสิงคโปร์เอง ดังนั้นรับรองว่าคนที่มาที่นี่จะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว แต่เป็นคนท้องถิ่นที่ทำงานในย่านนี้ซะมากกว่า บรรยากาศในร้านเหมือนพาเรากลับไปในยุคเก่าของญี่ปุ่น ที่นั่งมีทั้งโซนเคาน์เตอร์หน้าบาร์ซึ่งจัดเป็นวงกลม หรือจะเป็นโต๊ะแยกที่ไพรเวทไปเลยก็มี เสิร์ฟทั้งค็อกเทล เบียร์ สาเก ไวน์ วิสกี้ จิน วอดกา โดยมีซิกเนเจอร์ค็อกเทลอย่าง Mizuwari หอมกลิ่นคอฟฟี่มอลต์ผสมซอฟต์วอเตอร์จากฮอกไกโด, Jasmine ที่ได้รสเปรี้ยวจากซิตรัส เลมอน และ Drops of Dew ที่ได้รสของไวน์ชาร์ดอนเนย์กับน้ำหวานดอกไม้ ฯลฯ เปิดทุกวัน เว้นวันอังคาร 18.00-24.00น. (เฉพาะศุกร์เสาร์ปิด 2.00น.) ร้านอยู่ไม่ไกลจาก China town แนะนำให้จองล่วงหน้าทางออนไลน์ที่ https://livetwice.sg/
8 เดินเล่น กิน-ช็อป ย่าน Bugis
ย่านบูกิสเป็นย่านวัฒนธรรมและย่านธุรกิจการค้าที่อยู่ใจกลางสิงคโปร์เลย มีความคึกคัก เพราะรวมทั้งโรงแรม 5 ดาวหลายแห่ง แหล่งช็อปปิ้งสินค้าราคาถูก ฟีลเหมือนสำเพ็งบ้านเรา มีเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ขนมของฝาก ไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มีฟู้ดเซ็นเตอร์หลายแห่ง ร้านของกินก็เยอะมากกก ทั้งอาหารสูตรดั้งเดิมของสิงคโปร์ อาหารจีน ญี่ปุ่น เกาหลี แล้วที่พลาดไม่ได้คือร้านชานมไข่มุก อร่อยทุกร้าน ที่สำคัญยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่าง Haji Lane ตรอกซอกซอยที่เต็มไปด้วยงานสตรีทอาร์ตและร้านอาหารเครื่องดื่มมากมาย, วัดเจ้าแม่กวนอิมที่โด่งดังสุดในสิงคโปร์ ผู้คนนิยมมาขอพรโดยเอากระเป๋าสตางค์มาวนรอบกระถางธูปสามรอบพร้อมอธิษฐาน และมัสยิดสุลต่าน เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ โดดเด่นสวยงามด้วยโดมสีทอง เปิดให้เข้าชมได้ในวันที่ไม่มีกิจกรรม
9 Merlion & Marina Bay Sands
แม้ทุกคนจะรู้จักสิงโตเมอร์ไลออนในฐานะแลนด์มาร์กของประเทศสิงคโปร์อยู่แล้ว แต่ความพิเศษคือสิงคโปร์เพิ่งเฉลิมฉลองโอกาสวันชาติครบ 57 ปีไปเมื่อสิงหาคม 2022 และที่พิเศษกว่านั้นคือมันเป็นวาระครบรอบ 50 ปีของเจ้าเมอร์ไลออนในวันที่ 15 กันยายน 2022 อีกด้วย ซึ่งทางการก็ได้จัดงานเฉลิมฉลองที่นี่ตลอดหนึ่งเดือนเต็ม
เสียดายที่เราไม่ได้ไปสิงคโปร์ในช่วงนั้น แต่ก็อยากให้ทุกคนมาเก็บบรรยากาศความชิลของที่นี่ เพราะมากี่ครั้งก็ยังไม่เบื่อ จะช่วงกลางวันหรือกลางคืน มีลาน Promenade ให้เดินเล่นบริเวณริมอ่าว Marina ลมพัดเย็นสบาย และเห็นวิวตึก Marina Bay Sands ที่เป็นตึกแลนด์มาร์กของสิงคโปร์เช่นกัน หนึ่งในโปรเจ็กต์ยักษ์ใหญ่ที่รวมเอาโรงแรมสุดหรู ห้างสรรพสินค้า และศูนย์รวมความบันเทิงมากมาย รวมทั้งสระว่ายน้ำกลางแจ้งที่สูงที่สุดในโลกอย่าง Sands Sky Park ด้วย แนะนำให้เดินข้ามสะพาน Helix สะพานรูปเกลียวที่เชื่อมต่อจากฝั่งโรงละคร Esplanade ไปยังฝั่ง Marina Bay Sands ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยงามมากทีเดียว
10 พายคายัคที่เขื่อนและอ่างเก็บน้ำ Marina Barrage
ที่นี่ถือเป็นมุมปิกนิกที่คนสิงคโปร์เองก็ชอบมากันโดยเฉพาะช่วงวีคเอนด์ มันเป็นเขื่อนกั้นน้ำที่สร้างขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำจืดที่มาจากแม่น้ำสิงคโปร์ มีการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้เป็นอีกหนึ่งแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ เชื่อมต่อกับ Marina Garden และ Gardens by the Bay ทำเป็นลักษณะสวนลอยฟ้า มีสนามหญ้าขนาดใหญ่ และมีกิจกรรมทางน้ำให้ทำอย่างเช่นพายเรือคายัค ควรมาช่วงเย็นๆ เปิดทุกวันตลอดเวลา สามารถลง MRT สถานี Bayfront และออกมาทางสวน Gardens by the Bay จากนั้นเดินทะลุสวนมาบริเวณทางเดินเรียบอ่าว เดินตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 600 เมตร จะเจอ Marina Barrage ถือว่าออกกำลังกายไปในตัวเลยนะ
[…] […]