ขณะที่การผลิตรถยนต์ทั่วโลกต้องชะลอลงจากสถานการณ์โรคระบาด การผลิตน้ำผึ้งโรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) ภายในพื้นที่โรงงานของตนเองในเวสต์ ซัสเซ็กซ์ (West Sussex) ประเทศอังกฤษ ยังคงเดินหน้าต่อ
ลองนึกภาพชนบทของอังกฤษ ในช่วงฤดูร้อนที่ทุ่งหญ้าเขียวขจี ดอกไม้บานสะพรั่งและฝูงผึ้งกำลังออกจากรังเพื่อบินหาอาหาร ท่ามกลางความสวยงามของวิวทิวทัศน์ในเวสต์ ซัสเซ็กซ์ที่ซึ่งมีธรรมชาติที่หลากหลาย ตั้งแต่ชายฝั่งทะเลไปจนถึงป่าไม้ในอุทยานแห่งชาติ เซาธ์ ดาวน์ส (South Downs) อันอุดมสมบูรณ์ มันเป็นภาพธรรมชาติที่ช่วยให้เราผ่อนคลายสุดๆ
เวสต์ ซัสเซ็กซ์ อยู่ไม่ไกลจากลอนดอน มีรถไฟตรงจากวิกตอเรียและลอนดอน บริดจ์ มาเยือนที่นี่ได้ง่ายมาก ในราคาเพียง 10 ปอนด์สำหรับค่ารถไฟไปกลับ แถมยังสามารถนำจักรยานขึ้นรถไฟมาได้ด้วย เราก็จะได้พบกับบรรยากาศที่ต่างไปจากลอนดอนโดยสิ้นเชิง และที่นี่เองคือที่ตั้งของโรงงานธรรมชาติของโรลส์-รอยซ์ แบรนด์รถยนต์ระดับซูเปอร์อัลตร้าลักชัวรี่
แน่นอนว่าท่ามกลางภาวะโรคระบาดที่หลายประเทศกำลังอยู่ในช่วงล็อกดาวน์ สายพานการผลิตรถยนต์โรลส์-รอยซ์เองก็ต้องหยุดชะงัก แต่ในอีกด้าน โรลส์-รอยซ์ยังมีโรงเลี้ยงผึ้ง กู๊ดวูด อาพิเอรี่ (Goodwood Apiary) ซึ่งตั้งอยู่ที่กู๊ดวูด เวสต์ ซัสเซ็กซ์ แห่งนี้ ยังคงให้เหล่าพนักงานมีปีกทั้งหลายทำงานต่อไปอย่างไม่มีการเลย์ออฟ เรากำลังพูดถึงผึ้งน้ำหวานสายพันธุ์อังกฤษราว 250,000 ตัว ที่โบยบินอยู่ในพื้นที่ 42 เอเคอร์ของโรลส์-รอยซ์
เป็นเรื่องน่าสนใจมากๆ ที่ Home of Rolls-Royce ในกู๊ดวูด มีโรงเลี้ยงผึ้งตั้งอยู่ นั่นเกิดขึ้นจากความตั้งใจในการอนุรักษ์ผึ้ง สัตว์นักผสมเกสรที่สำคัญซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวในโลกที่ไม่ได้เป็นพาหะนำเชื้อโรคอย่างเชื้อรา แบคทีเรีย หรือไวรัส ไปสู่สิ่งมีชีวิตอื่น และในบรรดาพืชอาหาร 100 ชนิดที่เป็นอาหารเลี้ยงประชากรมนุษย์ทั้งโลก ก็มีถึง 70 ชนิด ที่ต้องการผึ้งเป็นตัวผสมละอองเกสรให้
ผึ้งจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงทางอาหารและความหลากหลายทางชีวภาพ และผลิตผลทางการเกษตรทั้งโลกก็ต้องพึ่งพาผึ้งตัวเล็กๆ นี้ทั้งทางตรงและทางอ้อม แต่ตอนนี้ประชากรผึ้งทั่วโลกกลับถูกคุกคามจากการทำเกษตรเชิงเดี่ยวและเกษตรเชิงอุตสาหกรรม รวมไปถึงการสูญเสียพื้นที่สร้างรังผึ้ง เนื่องจากการพัฒนาที่ดินของมนุษย์ การใช้ยาฆ่าแมลง และอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นจากภาวะโลกร้อน
โรลส์-รอยซ์ จึงจัดสรรพื้นที่ของตนเอง นอกจากจะมีโรงงานผลิตรถยนต์แล้ว ก็ยังมีดอกไม้ป่าอีกกว่า 500,000 ต้น ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของผึ้ง รวมไปถึงไม้อวบน้ำสกุลซีดัม (sedum) ที่งอกงามอยู่บน ‘หลังคาที่มีชีวิต’ 8 เอเคอร์ เหนือโรงงานผลิตของบริษัท ที่สำคัญคือมีโรงเลี้ยงผึ้งที่ประกอบไปด้วย 6 รังผึ้งไม้สไตล์อังกฤษดั้งเดิม โดย 5 รังแรกได้รับการตั้งชื่อตามสายพันธุ์ยนตรกรรม โรลส์-รอยซ์ ได้แก่ ‘แฟนธอม’ ‘เรธ’ ‘โกสต์’ ‘ดอว์น’ และ ‘คัลลิแนน’ ขณะที่รังที่ 6 ได้ชื่อว่า ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ (Spirit of Ecstasy) ตามมาสคอทที่โด่งดังของแบรนด์
แต่ละปีจะมีน้ำผึ้งที่ถูกผลิตขึ้นจากพื้นที่แห่งนี้อย่างพิถีพิถันด้วยมือของผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่น และลูกค้ารวมถึงแขกพิเศษที่เข้ามาเยี่ยมชมที่โรงงานของโรลส์-รอยซ์ ก็จะได้มีโอกาสลิ้มลอง The Rolls-Royce of Honey ในระหว่างนั่งรอในห้องรับรอง Atelier Suite ใครอยากชิมก็ต้องมาเป็นลูกค้าโรลส์-รอยซ์เท่านั้น เพราะไม่ได้มีวางจำหน่ายทั่วไป
วันที่ 20 พฤษภาคมของทุกปี ได้ถูกกำหนดให้เป็นวันผึ้งโลกเพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของระบบนิเวศและการอนุรักษ์ผึ้ง ซึ่งโรลส์-รอยซ์เองก็มีส่วนในการรณรงค์นี้เพื่อช่วยรักษาสมดุลห่วงโซ่อาหาร และปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพของสิ่งแวดล้อมด้วย
การวิจัยทางธรรมชาติหลายชิ้นเคยระบุว่าถ้ามนุษย์ยังทำลายสิ่งแวดล้อมต่อไปเรื่อยๆ ไม่เกิน 30 ปี ผึ้งจะสูญพันธุ์ไปจากโลก และถ้าไม่มีผึ้งช่วยผสมเกสร ก็เท่ากับหายนะของพืชพันธุ์ทั่วโลก นั่นคือผลกระทบที่ใหญ่หลวงต่อชีวิตของมนุษย์เช่นกัน
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ Rolls-Royce ได้ที่ www.rolls-roycemotorcars.com