หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบคาวากุจิโกะกับทะเลสาบยามานาคาโกะ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของจังหวัดยามานะชิของญี่ปุ่น ใครๆ ที่มาเที่ยวดูฟูจิซังหรือทะเลสาบคาวากุจิโกะ จะต้องแวะมาที่นี่ หมู่บ้านนี้ชื่อว่า โอะชิโนะ ฮักไค (Oshino Hakkai) หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่าหมู่บ้านน้ำใส
ที่นี่น้ำเขาใสสมชื่อจริงๆ ค่ะ เพราะตามลำธารและบ่อน้ำต่างๆ ในหมู่บ้านนั้นล้วนเป็นน้ำที่ไหลมาจากการละลายของหิมะบนภูเขาไฟฟูจิในช่วงฤดูร้อน สายน้ำเหล่านี้ไหลผ่านหินลาวาที่มีรูพรุน จึงเป็นเหมือนเครื่องกรองน้ำตามธรรมชาติ ทำให้สะอาดและอุดมไปด้วยแร่ธาตุมากมาย ใสเย็นฉ่ำจนมองลงไปเห็นปลาที่แหวกว่ายอยู่ด้านล่าง เห็นไปถึงก้นบ่อ ถึงขั้นได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 100 แหล่งน้ำที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น ชาวบ้านยังเชื่อกันว่าใครได้ดื่ม จะช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บและมีอายุที่ยืนยาว
การมาเที่ยวหมู่บ้านน้ำใสและคาวาคูจิโกะสำหรับคนไทยนั้นไม่ยากเลย เราจองตั๋วไปญี่ปุ่นล่วงหน้ากับ Traveloka ข้อดีคือจองตั๋วเครื่องบินได้ราคาคุ้มค่า สามารถเลือกตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดได้แค่ใส่รายละเอียดการเดินทาง เพียงแค่กดเสิร์ช ก็มีตั๋วเครื่องบินให้เลือกเยอะแยะมากมาย แต่สำหรับทริปนี้ เราได้เลือกจองตั๋วกับการบินไทย เพราะชอบการบินแบบฟูลเซอร์วิส รู้สึกคุ้มค่า มีน้ำหนักกระเป๋า และอาหารให้บนเครื่อง
ทางไปจองตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่น > https://www.traveloka.com/th-th/flight-to-japan
เมื่อมาถึงสนามบินนาริตะแล้ว ใครอยากยิงตรงไปยังคาวากุจิโกะเลย หรือจะแวะพักเที่ยวในโตเกียวก่อนแล้วค่อยไปขึ้นรถบัส (Highway Bus) ที่ชินจูกุก็ได้ แนะนำให้จองออนไลน์ไปก่อน เพราะคาวากูจิโกะเป็น destination ที่ค่อนข้างป็อปปูลาร์ ถ้าไปซื้อตั๋วที่สถานีอาจต้องเสียเวลารอรอบรถนาน
จองรถบัสไปทะเลสาบคาวากุจิ กับ Traveloka
บรรยากาศตอนเช้าที่หมู่บ้านน้ำใสนี่ดีสุดๆ ไปเลยค่ะ ท้องฟ้าใสและมองเห็นวิวแบคกราวด์เป็นภูเขาไฟฟูจิชัดเจน อากาศก็บริสุทธิ์ เย็นสบายตลอดทั้งปี แถมมีเสียงน้ำไหลในลำธารอยู่ตลอดเวลา ได้ยินแล้วรู้สึกสดชื่น และพอหันไปมองก็จะยิ่งรู้สึกสดชื่นเข้าไปใหญ่ เพราะว่าน้ำใสอย่างกับกระจกเลยทีเดียว
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที เราก็มาถึงสถานีคาวากุจิโกะ ที่นั่นเป็นศูนย์รวมของทั้งรถบัสและรถไฟ เราสามารถเข้าไปขอรับโบรชัวร์ ตารางรถ และซื้อตั๋วท่องเที่ยวต่างๆ ในเมือง ได้จากเคาน์เตอร์ภายในสถานี ได้แก่ ตั๋วรถ Retro Bus และตั๋วแพ็กเกจแบบรวมเคเบิ้ลคาร์และเรือล่องทะเลสาบ ฯลฯ
สำหรับคนที่มาเที่ยวกับทัวร์ เขามักจะใส่หมู่บ้านน้ำใสเอาไว้ในโปรแกรมอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ไปเอง ก็ต้องบอกว่าจริงๆ ไม่ยาก เพราะมีรถจากสถานีคาวากูจิโกะพาไปลงถึงหน้าหมู่บ้านเลย เราขึ้นรถรอบ 7 โมงเช้า ไปลงที่ป้าย Oshino Hakkai ใช้เวลาประมาณ 25 นาที ค่ารถ 550 เยน จ่ายเงินบนรถเหมือนกับรถบัสญี่ปุ่นทั่วไป ขากลับก็ขึ้นรถแบบเดิม มายืนรอฝั่งตรงข้ามกับที่เราลง ก็จะกลับมาที่สถานีคาวากุจิโกะได้อย่างง่ายดาย
ตามทางเดินในหมู่บ้าน เราจะพบเห็นฟาร์มปลูกผักผลไม้ ที่เห็นเยอะๆ ก็สตรอว์เบอร์รี่ ข้าวโพด แอปเปิ้ล และถ้าเรามาช่วงฤดูใบไม้ผลิเราจะเห็นดอกซากุระสีชมพูเบ่งบานเต็มไปหมด ส่วนฤดูใบไม้ร่วงก็จะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีเป็นแดง ส้ม เหลือง และในฤดูหนาว เราก็จะได้เห็นหิมะหนานุ่มปกคลุมทั้งหมู่บ้านด้วย
ในหมู่บ้านมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด 8 บ่อ ใครมีเวลาเหลือเยอะ จะเดินตามหาเช็คลิสต์ดูก็ได้ แต่เราได้ไปชมแค่บางบ่อเท่านั้น เนื่องจากมีเวลาไม่มาก และอีกอย่าง บางบ่อก็อยู่ค่อนข้างไกล ไม่มีถนนเข้าไป ถ้าใครอยากจะไปดูพอเป็นพิธี เราแนะนำบ่อที่ 5 Wakuike pond ใจกลางหมู่บ้าน มีคนมาขอพรแล้วโยนเหรียญลงไปก้นบ่อพอสมควร แต่ตอนนี้รู้สึกว่าจะไม่ให้โยนแล้ว แต่สามารถให้อาหารปลาคาร์พได้ โดยมีบ่อที่อยู่ตรงข้ามกันก็คือ บ่อที่ 6 Nigoriike pond เป็นจุดที่เราจะสามารถมองเห็นฟูจิซังได้ด้วย แต่ถ้าอยากได้แบบฟูจิซังสะท้อนอยู่ในน้ำด้วย ต้องบ่อที่ 7 Kagamiike pond
ใกล้ๆ กับบ่อ Wakuike นั้นเป็นโซนขายของที่หมู่บ้านค่ะ แถวนี้เป็นอะไรที่เดินสนุกสุดๆ บรรยากาศคึกคัก แล้วก็มีผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิดให้เลือกซื้อ ที่เด่นที่สุด ถ้ามาถึงโอะชิโนะ ฮักไค แล้ว ไม่ควรพลาดลิ้มรสเมนูปลาของที่นี่ เพราะว่าสดมาก เขาจับมาจากในบ่อเลย นอกจากเนื้อปลาหวานอร่อยและไม่มีกลิ่นคาวแล้ว ยังมีแร่ธาตุมากมาย ดีต่อสุขภาพ
ต่อกันที่ผลไม้สดๆ เก็บจากต้น ปลอดสารพิษ เขาล้างแล้วก็หั่นให้ชิมกันตรงนั้น แอปเปิ้ลนี่สดกรอบ ส่วนสายของหวานต้องไม่พลาดโมจิย่าง เนื้อแป้งสีเขียวมาจากสีของหญ้าสมุนไพร ข้างในเป็นไส้ถั่วแดง นอกจากนี้ก็ยังมีมันเผา เต้าหู้ทานกับซอสมิโสะ ซอฟต์ครีม ดังโงะ แล้วก็ของฝากอีกเยอะแยะเต็มไปหมด สิ่งเดียวที่ต้องระวังก็คือ กระเป๋าตังค์จะเบาไปแบบไม่รู้ตัว
จบการเซอร์เวย์ที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แล้ว เราควรเผื่อเวลาสำหรับการเที่ยวในเมืองคาวากุจิโกะอีกอย่างน้อยๆ 1 วันเต็ม สามารถขึ้นเคเบิ้ลคาร์ (ropeway) ไปบนภูเขาคาจิคาจิ (Kachi Kachi yama) เพื่อดูวิวฟูจิซังและทะเลสาบในมุมสูงแบบเต็มๆ ตา หรือจะขี่จักรยานเลียบทะเลสาบ แล้วปิดท้ายด้วยการไปแช่ออนเซ็นแบบเอาท์ดอร์ที่มองเห็นวิวภูเขาไฟไปด้วยก็ได้
ความยิ่งใหญ่ของฟูจิซังทำให้รู้สึกว่าในชีวิตหนึ่ง แค่ได้มาเห็นเต็มๆ ตาสักครั้ง ก็เป็นอะไรที่คุ้มค่ามากๆ แล้ว