ก่อนสงกรานต์ ปีพ.ศ. 2558,

การเดินทางไปเที่ยววังเวียง ประเทศลาว อยู่ในแพลนของเรามาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน ภาพของการขึ้นบอลลูนชมวิว การล่องห่วงยางแล้วจิบเบียร์ไปด้วย กับการไปแจมในวงของฝรั่งแบ็กแพ็กเกอร์ขาลุยทั้งหลาย ดึงดูดให้เรามาเที่ยวที่นี่

ทริปนี้เรานั่งเครื่องบิน Thai Air Asia จากกรุงเทพฯ มาลงอุดรฯ แล้วก็พักที่นั่น 1 คืน วิธีเดินทางเข้าลาวที่ง่ายที่สุดจึงเป็นการนั่งรถบัสจากสถานีขนส่ง ยิงตรงเข้าวังเวียงเลย นับว่าเป็นวิธีที่ประหยัดที่สุดด้วยเพราะค่าตั๋วแค่ 320 บาท แต่ความท้าทายก็คือ จะมีรถเส้นทางนี้วันละ 1 รอบเท่านั้น โดยรถจะออกตอน 8.30น. ถ้าใครพลาดรอบนี้ไปก็อดสำหรับเส้นทางนี้ ต้องนั่งสายอุดร-เวียงจันทน์ แล้วค่อยไปต่อเวียงจันทน์-วังเวียงอีกที ซึ่งก็จะใช้เวลามากขึ้นไปอีก หรือไม่งั้นก็ต้องรอวันถัดไป

สำหรับคนที่อยากแวะเที่ยวอุดร >

เจ้าของโรงแรมที่เราไปพักที่อุดรฯ ลงทุนตื่นแต่เช้าขับรถพาเรามาส่งที่สถานีบขส. ตอนเช้าตรู่เลย เพราะยังไม่ใช่เวลาทำงานของคนขับรถ เราบอกเขาแล้วว่ารถมีรอบเดียว ขอมาถึงเร็วหน่อยได้ไหม แต่คุณลุงก็ยืนยันว่า

“รถมันมีหลายรอบนา ไม่ค่อยมีใครเขาไปกันหรอก วังเวียงเนี่ย ไม่ต้องรีบๆ”

เราคิดในใจว่าคุณลุงคงกลัวเราเหนื่อย เพราะเห็นเมื่อคืนก็มัวแต่ไปเตร็ดเตร่ในอุดร กว่าจะกลับถึงโรงแรมก็ดึก สงสัยไม่อยากให้เราตื่นเช้า อีกอย่าง เขาเป็นคนท้องถิ่นเราควรจะเชื่อเขาแหละ

“อ่ะ ลุงส่งตรงนี้ เขาต่อแถวซื้อตั๋วกันตรงนั้นน่ะ เดินทางปลอดภัยนะ” ลุงส่งเราหน้าทางเข้าตึกสถานีขนส่งพร้อมชี้บอกทาง

ท๊าดาาาา สิ่งแรกที่เราเห็น คือ ภาพคนจำนวนมากกำลังยืนต่อคิวซื้อตั๋วอย่างล้นหลาม! เหย เหมือนที่ Pantip บอกจริงๆ ด้วยว่าให้มาเช้าๆ แล้วที่คนท้องถิ่นบอกคือร่ะ? หน้ายิ้มๆ ของลุงลอยเข้ามาในหัวทันที

ภาพต่อไปที่เห็น คือ ช่องขายตั๋วที่เขียนว่า ‘อุดร-วังเวียง’ ปิดไปแล้ว !! ฉันกับเพื่อนร่วมทริปแทบกรี๊ด ก็อุตส่าห์ค้างที่อุดรตั้ง 1 คืน เพราะคิดว่าจะได้มาซื้อตั๋วเป็นคนแรกๆ เพื่อเดินทางจากอุดรไปวังเวียงโดยไม่ต้องต่อรถให้ยุ่งยาก ดังนั้นสำหรับคนที่เดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยเครื่องบินของ Thai Air Asia มาลงที่อุดรตอน 8 โมงเช้านั้น บอกเลยว่าควรลืมรถบัสรอบนี้ไปซะ เพราะถ้าลงสนามบิน 8 โมง กว่าจะรอกระเป๋า กว่าจะเข้าห้องน้ำ แล้วกว่าจะเรียกรถมาส่งที่สถานีบขส. ไม่มีทางทันรถรอบนี้แน่นอน บัย!

รถบัสจากอุดรฯไปวังเวียง

สิ่งที่ทำได้ก็คือ ไปยืนต่อแถวที่ช่องขายตั๋ว ‘อุดร-เวียงจันทน์’ บรรยากาศตรงนั้นก็มีคนไทยกับกระเป๋าเป้แบ็คแพ็กวางกันเกลื่อนกลาด ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นมากันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ เราก็ยืนหน้าเซ็งๆ ไป หิวข้าวก็หิว แต่ก็ต้องซื้อตั๋วก่อน

สักพักก็มีพนักงานขายตั๋วเดินไปนั่งประจำช่อง ‘อุดร-วังเวียง’ แล้วก็มีคนเข้าไปติดต่อถามๆ อะไรสักอย่าง แล้วก็เหมือนมีการขายตั๋ว

เหย! เขาซื้อตั๋วอะไรกัน นี่ก็ไม่รีรอ รีบเข้าไปถาม คุณลุงคนขายตั๋วเขาบอกว่า

“วังเวียงตั๋วเต็มแล้วคร้าบบ แต่มีตั๋วเสริม จะเอาไหม”

นาทีนั้นเรารีบพยักหน้าไปก่อนโดยอัตโนมัติ แล้วก็ยื่นพาสปอร์ตให้เขา เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการซื้อตั๋วบัสข้ามประเทศ

 ก่อนจะได้สติแล้วเพิ่งมานึกขึ้นได้ตอนก้มดูตั๋ว

“ตั๋วเสริม เก้าอี้เสริม หมายความว่าไงวะ”

“เก้าอี้นั่งกินก๋วยเตี๋ยวไงพี่ ผมเคยนั่ง เก้าอี้พลาสติกอ่ะ เขาให้นั่งระหว่างทางเดิน ผมเคยนั่งมาแล้ว มันสุดมาก” น้องชายวัยรุ่นใส่หมวกกลับหลัง หน้าตาเหมือนเด็กบอร์ดคนหนึ่งกล่าว

‘………’ สีหน้าเราเปลี่ยนไป

จากนั้น เราออกไปแวะหาอะไรกินรองท้อง มีคนบอกว่าให้ซื้ออาหารไปตุน เพราะระหว่างทางอาจจะหิว และราคาอาหารที่อุดรก็ถูกกว่าที่ลาวเยอะ เราก็เลยเซอร์เวย์ร้านแถวขนส่ง แล้วก็ได้ข้าวเหนียวไก่กันไปคนละชุดสองชุด

ถึงเวลารถออก พนักงานมาเรียกบอกว่า

“ตั๋วเสริมใช่ไหม ตอนนี้เข้าไปนั่งเบาะก่อนได้ แต่เดี๋ยวถึงหนองคายแล้วต้องลุกนะ”

“ข่ะ!” เรากล่าว

รถโดยสารระหว่างประเทศ (Thai-Lao Internatinal Bus)

หน้าตารถบัสก็เหมือนรถทัวร์ปกติ เขียนด้านหน้ารถว่า ‘รถโดยสารระหว่างประเทศ’ (Thai-Lao Internatinal Bus) จากอุดรจะมาแวะรับผู้โดยสารเพิ่มที่หนองคายตอนประมาณ 10.00น. ใครจะมาขึ้นรถที่บขส.หนองคายก็ได้ ค่าตั๋วจะเหลือแค่ 270 บาท เขาจอดไม่นานเพราะต้องทำเวลา พอไปถึงหนองคายเราก็ต้องลงจากรถ เพื่อให้ผู้โดยสารที่มีตั๋วแบบถูกต้องขึ้นไปนั่งให้เต็มคันรถก่อน แล้วพนักงานก็จะเอาเก้าอี้ก๋วยเตี๋ยวพลาสติกมาตั้งเรียงเดี่ยวตรงช่องทางเดินตรงกลางของรถ แล้วก็ให้พวกตั๋วเสริมทั้งหลายเดินแถวเรียงเดี่ยวขึ้นไปทีละคน ทีละคน

พอขึ้นไปนั่ง ก็เพิ่งเห็นว่าไอ้น้องผู้ชายที่ใส่หมวกกลับหลังที่เดินมาเล่าเรื่องเก้าอี้เสริมก่อนหน้านี้ มันก็ต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกัน นั่งกันทั้งแก๊งเลยกับเพื่อนๆ อีกประมาณ 4-5 คน ท่าทางมันสนุกสนานเฮฮาเชียว แถมยังตะโกนมาถามเราด้านหน้าด้วยสีหน้ายิ้มระรื่น

“เป็นไงบ้างพี่”

ซึ่งต่อไปเราจะขอเรียกกลุ่มนี้ว่า ‘แก๊งเซลฟี่’ เพราะมาพร้อมกล้อง Go Pro กับไม้เซลฟี่ เอะอะๆ ก็เซลฟี่กันตลอดทุกๆ 10 นาที

ระยะทางจากอุดรธานีไปถึงวังเวียงจริงๆ แล้วประมาณ 234 กิโลเมตร ถ้าขับรถไปเองใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง แต่สำหรับรถบัสจะมีจอดแวะพักเป็นระยะ แถมคันที่เรานั่งนี่เดี๋ยวพัก เดี๋ยวพัก พักบ่อยไปละค่ะ ทั้งทานข้าว แวะซื้อของฝาก เข้าห้องน้ำ บลาๆ กว่าจะไปถึงวังเวียงก็เล่นเอาเกือบเย็น รวมกว่า 7 ชั่วโมงได้

แวะพักด่านชายแดนไทย-ลาว กรอกใบตม.

จุดแวะพักจุดแรกคือจุดที่จำเป็นค่ะ เพราะมันคือด่านชายแดนไทย-ลาว ตรวจคนเข้าเมือง เราก็กรอกใบตม. ซึ่งพนักงานจะแจกให้ตั้งแต่บนรถบัสแล้ว ณ จุดนี้อย่าลืมหยิบพาสปอร์ตออกมาจากกระเป๋าด้วยแล้วลงไปต่อแถวซื้อบัตรสำหรับผ่านแดนด้านล่าง ราคาประมาณ 11,000 กีบ หรือประมาณ 45 บาท (อันนี้เป็นราคาของวันเสาร์-อาทิตย์ ถ้าวันธรรมดาก็ถูกลงไปเท่าตัว แค่ใบละ 1,000 กีบ หรือประมาณ 4 บาทเอง) ที่นี่มีจุดแลกเงินให้ด้วย เราก็เลยแลกเงินกีบที่นี่ล่ะ ยื่นไป 4,000 บาท ได้กลับมาร่วมล้านกีบ ฮ่าๆๆ ถือแบงค์เป็นฟ่อนยัดกระเป๋าสตางค์ไม่พอเลยจ้า รู้สึกร๊วยรวย

หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็เดินผ่านด่านข้ามประเทศมา แล้วไปขึ้นรถบัสคันเดิมที่จอดรออยู่ในฝั่งลาว (อย่าไปขึ้นผิดคันล่ะ) ถ้าคนขึ้นรถครบเร็ว รถก็ออกเร็ว ฉะนั้นเราต้องทำเวลานิดนึง ฉันเดินถือเงินล้านสบายใจกลับไปขึ้นรถ มันจะเริ่มไม่สบายใจก็ตรงที่ต้องนั่งเก้าอี้พลาสติกตรงทางเดินรถนี่แหละ พนักก็ไม่มี แถมเวลารถเลี้ยวหรือวิ่งไปบนถนนขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อ เรายิ่งต้องเกร็งตัวให้ดี เพราะนอกจากเก้าอี้จะเลื่อนไปมาเวลาเข้าโค้งแล้ว ถ้าเราบาลานซ์น้ำหนักไม่ดี พลาสติกมันสามารถแตกได้น้า อย่าลืม…

เห็นตัวอย่างมาแล้วจากน้องผู้หญิงที่นั่งถัดไปข้างหน้า 2 คน เธอเล่นทิ้งตัวหลับเอนไปซ้ายทีขวาที ประมาณสักอีก 2 ชั่วโมงจะถึงวังเวียงอยู่แล้ว เก้าอี้แตกดังโพล๊ะ ฝุ่นขึ้นเป็นควันลอยสะท้อนกับแสงอาทิตย์ยามบ่าย อย่างกับภาพสโลว์ไลฟ์จากคินโฟล์ค หรือไม่ก็แสงอุ่นๆ ใน MV เลยล่ะ ได้ยินเสียงขำคิกคักมาจากไอ้แก๊งเซลฟี่ด้านหลัง เราเองยังเกือบหลุดขำเหมือนกัน แต่สงสารน้องเขา เลยต้องมาทรมานกลั้นขำกันอีก เหลือไว้แต่หน้ายิ้ม (แต่ยิ้มซะกว้างเลย)

เวลานั่งรถไกลๆ หลายๆ ชั่วโมง หลายคนน่าจะนึกสภาพออก มันทั้งง่วงทั้งเพลียทั้งเมื่อย ซึ่งความจริงแล้วรถบัสคันนี้นั่งสบายนะ เบาะค่อนข้างกว้าง คนที่ได้นั่งเบาะเขาเอนหลับกันแทบจะราบอยู่ละ สบายยยยยยกันจริงๆ เห็นใจคนนั่งเก้าอี้เสริมมั่งเฮ้ย แหม จ่ายเงินก็เท่ากัน จริงๆ เขาน่าจะลดราคาให้เราบ้างนะ เพราะยังไม่ทันเริ่มทริปก็ปวดหลังแล้ว (นี่ไม่ได้พูดเล่น) งอแงตลอด บอกตัวเอง ความจริงถ้าเรานั่งไปลงเวียงจันทน์ก่อนแล้วค่อยต่อรถมาวังเวียงอีกทีอาจจะนั่งสบายกว่า

คิดไปก็เท่านั้น เพราะโงกไปเงนมาประมาณ 200 รอบ ในที่สุดก็มาถึงวังเวียงแล้ว

เย้!!!

ไม่ได้ดีใจระดับนี้มานานเท่าไรแล้วไม่รู้ รถบัสมาถึงที่ Vang Vieng Bus Terminal เราได้ลงมายืดเส้นยืดสายพอประมาณแล้วก็ต้องต่อรถมินิบัสเข้าไปยังตัวเมืองวังเวียง ซึ่งตรงนี้เขาไม่เก็บค่ารถ จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายเดินทางกันต่อไปยังโรงแรมของตัวเอง ระหว่างทางที่ไปโรงแรม ภาพในตัวเมืองวังเวียงดูสงบ คล้ายต่างจังหวัดบ้านเรา มองไปไกลๆ เห็นภูเขาและแม่น้ำซองที่เป็นแม่น้ำสายหลักของที่นี่ แต่ภาพที่ฉันคิดอยู่ในหัวตอนนี้คือการได้อาบน้ำแล้วนอนเหยียดยาวๆ บนเตียง

(นึกถึงภาพคนที่ได้นั่งเบาะแล้วเก็บกด)

Travel Tips

  • บขส. เส้นทางอุดรธานี – หนองคาย – วังเวียง: เที่ยวไป 8.30น. / เที่ยวกลับ 9.00น. โดยเดินทางผ่านสะพานมิตรภาพไทย – ลาวแห่งที่ 1 ค่าโดยสาร 320 บาท
  • อุดรธานี-วังเวียง ระยะทาง 234 กิโลเมตร ถ้าขับรถเองโดยไม่แวะพักเลยจะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
  • อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 250 กีบ = 1 บาท

Leave a Reply