มิวนิก เป็นเมืองหลวงของแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ที่มีมิวเซียมอยู่เยอะมากๆ ใครชอบเดินมิวเซียมจะสนุกมากเลย เพราะไม่ใช่แค่งานศิลปะที่ไล่เรียงมาทุกยุค ตั้งแต่ของเก่าเก็บในพระราชวัง มาจนถึงยุคคลาสสิก ยุค ‘90s ไปจนถึงงานภาพถ่ายดีๆ และคอนเซ็ปชวลอาร์ตล้ำๆ แต่เขายังมีมิวเซียมสนุกๆ อย่างมิวเซียมเบียร์ มิวเซียมของเล่น มิวเซียมเกี่ยวกับการตกปลา แล้วก็มิวเซียมสำหรับคนรักรถและเทคโนโลยีที่พลาดไม่ได้เลย นั่นคือ BMW Welt & BMW Museum
BMW Welt & BMW Museum คือ พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ของรถยนต์ยี่ห้อ บีเอ็มดับเบิลยู (BMW) ที่ทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี ในเมืองไทยเอง เราก็มีแฟนคลับ BMW ที่เหนียวแน่น ด้วยเรื่องของสมรรถนะที่ล้ำเลิศ และดีไซน์ที่ประณีต เป็นเอกลักษณ์ เรียกได้ว่าเป็นรถยนต์ที่ออกรุ่นไหนมา ก็มีอะไรมาสร้างความน่าสนใจได้อยู่ตลอด เป็นเหมือนกับงานศิลปะที่อยู่ในรูปแบบของรถยนต์
ที่ตั้งของ BMW Welt & BMW Museum นั้นอยู่ไม่ไกลจากเซ็นเตอร์เลยค่ะ ใช้เวลาเดินทางมาเพียงประมาณ 15 นาทีเท่านั้น เรานั่งรถไฟมาลงที่สถานี Olympiazentrum ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้สวนสาธารณะโอลิมเปีย อีกแลนด์มาร์คสำคัญของมิวนิค แล้วก็เดินต่ออีกนิดหน่อยประมาณ 300 เมตร ก็จะมาถึงอาคารรูปทรงฟิวเจอริสติก ตอกย้ำความเป็นยนตกรรมแห่งอนาคต มีตึกที่ดูเหมือนกระบอกสูบรถยนต์ กับอีกตึกเป็นรูปทรงถ้วยสีเงินๆ ขนาดใหญ่ โดดเด่นที่สุดในย่านนั้นเลยค่ะ หาไม่ยาก
วันที่เราไปเป็นวันเสาร์ซึ่งก็แน่นอนว่านักท่องเที่ยวเยอะมาก ต่อแถวยาวอยู่ด้านหน้าตึก และเขาก็จำกัดจำนวนคนไม่ให้ไปออกันที่หน้า ticket counter ก็เลยต้องรอหน่อย แต่ไม่กี่อึดใจ เราก็ได้เข้ามาซื้อตั๋ว ราคาตั๋วผู้ใหญ่นั้นอยู่ที่ 10 euro ต่อคน นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมภายในเองได้อิสระ จะถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอก็ได้ตามใจชอบ หรือใครอยากจะจองแบบ private tour เพื่อให้มีเจ้าหน้าที่มานำชมและให้ข้อมูลภาษาอังกฤษก็ได้เช่นกัน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง
ก่อนที่เราจะเข้าไปด้านใน BMW Museum เราขอเล่าถึง BMW Welt ก่อน เพราะถ้ามองดูจากภายนอกแล้วตึกเขาล้ำมาก จนเราไม่พูดถึงไม่ได้ ตึกนี้สร้างเสร็จและเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2007 ใช้สถาปนิกออกแบบถึง 275 คน เราจะเห็นว่าตัวตึกเขาใช้วัสดุเหล็กและกระจกซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ขณะเดียวกันก็ทำเป็นส่วนโค้งส่วนเว้าดูแปลกตา ซึ่งมันได้ถูกฝังแผงโซลาร์เซลล์เอาไว้ด้วย สามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 800 kW เพื่อป้อนการใช้ไฟฟ้าให้กับในตัวอาคาร และกระจกเองก็ยังช่วยให้แสงสว่างตามธรรมชาติส่องเข้าไปได้ ทั้งยังปรับอุณหภูมิด้วย เป็นการคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นอะไรที่คนเยอรมันให้ความสำคัญมากๆ
ตึกนี้ อย่างที่บอกว่าเป็นสำนักงานใหญ่ ฉะนั้นใครสนใจ (และเงินถึง) ก็ทำการสั่งจองรถ BMW ได้ที่นี่เลย และที่สำคัญมันจะมีส่วนที่เป็นศูนย์รับรถ (BMW Delivery Center) ใครสั่งจองแล้วมารับรถที่นี่ ก็เหมือนกับมารับรถหน้าโรงงานแท้ๆ ของ BMW เลยค่ะ เพราะรถจะถูกส่งมาจากโรงงาน BMW Plant Munich ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากกัน
สำหรับ BMW Museum ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1973 พื้นที่ด้านในกว้างขวางถึง 5,000 ตารางเมตร จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์กว่าร้อยปีของรถยนต์ BMW ซึ่งเราได้มีโอกาสเห็นรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ตั้งแต่รุ่นแรกเริ่ม มาจนถึงยุคคุณพ่อคุณแม่เรา รถแข่งรุ่นสำคัญๆ รถที่มีดีไซน์แปลกๆ รถโฉมปัจจุบันและนวัตกรรมหรือทิศทางของรถยนต์ BMW ในอนาคต เรียกได้ว่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับแบรนด์ ที่นี่จะมีคำตอบและเผยความลับแบบหมดเปลือก
ชื่อของบีเอ็มดับเบิลยู (BMW) ย่อมาจาก Bayerische Motoren Werke AG แปลเป็นไทยก็คือยนตรกิจบาวาเรีย เป็นรถยนต์สัญชาติเยอรมันแท้ๆ แรกเริ่มเลยก่อตั้งมาเพื่อผลิตเครื่องยนต์อากาศยาน จึงเป็นที่มาของโลโก้ที่เป็นรูปกังหันเครื่องบิน รวมกับสีฟ้าและขาวซึ่งเป็นสีประจำแคว้นบาวาเรียที่บริษัทตั้งอยู่ จนกระทั่งเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 จึงเปลี่ยนมาผลิตเครื่องมือทำฟาร์มและเบรกรถไฟ แล้วก็บุกเบิกการออกแบบและผลิตรถมอเตอร์ไซค์ และรถยนต์ตามลำดับ ถือเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 12 ของโลก มีแบรนด์ภายใต้ความรับผิดชอบได้แก่ BMW, Mini และ Rolls-Royce
การจัดแสดงเป็นสัดเป็นส่วน เดินชมได้สนุกมาก ไม่จำเป็นต้องยืนอ่านรายละเอียด text ให้ครบ เราก็สามารถเข้าใจสิ่งที่เห็นตรงหน้าได้ไม่ยาก โดยเขาจะแบ่งตั้งแต่โซนที่เน้นดีไซน์เป็นหลัก บอกเล่ากระบวนการออกแบบ มาถึงโซนที่เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ โซนที่อธิบายเรื่องเทคโนโลยี รายละเอียดทางวิศวกรรมของเครื่องยนต์ประเภทต่างๆ โซนเกี่ยวกับแบรนดิ้งและไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ โซนมอเตอร์สปอร์ต และโซนพวกเอ็กเซสเซอรี่ ของต่างๆ ในรถยนต์ด้วย
ความพิเศษของปี 2022 นี้คือ เป็นปีครบรอบ 50 ปี ของ BMW M Motorsport Division (1972-2022) หรือรถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยูที่มีศักยภาพสูงระดับรถแข่ง เป็นตัวท็อปสุด แรงสุด และแพงสุดของแต่ละซีรีส์ อย่างเช่น ถ้าในซีรีส์ 5 เขาก็จะใช้รหัส M5 ทางมิวเซียมก็มีโซนจัดแสดงรถยนต์ BMW M โดยเฉพาะ ซึ่งออกแบบให้เหมือนกับจำลองสนามแข่งมาเลย จัดแสดงรถแข่งรุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด อย่าง BMW 3.0 CSL และ BMW 2002 Turbo พร้อมนำเสนอประวัติของรถแข่งทัวร์ริ่ง การผลิต BMW Individual ที่มาของสีที่โดดเด่นเฉพาะตัว แนวคิดในการออกแบบโลโก้พิเศษครบรอบ 50 ปี, BMW Art Cars ไปจนถึงรถรุ่นพิเศษมากมายทั้งรูปแบบคลาสสิกและนวัตกรรมล้ำอนาคต
สำหรับในประเทศไทย เรามีการนำรถยนต์ BMW เข้ามาขายครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2504 โดยรุ่นแรกที่นำเข้ามาขายคือ BMW 700 และปัจจุบันก็มีการประกอบจำหน่ายอยู่ในไทยมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้วด้วยโดยบริษัทแม่เข้ามาควบคุมการขาย การตลาด และการประกอบรถด้วยตัวเอง ภายใต้บริษัท BMW Group Manufacturing อยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2543 มีบทบาทเป็นโรงงาน BMW ชั้นนำในภูมิภาค ประกอบรถยนต์ได้ถึง 20,000 คันต่อปี และประกอบรถมอเตอร์ไซค์ได้ 10,000 คันต่อปี
หนึ่งในตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ BMW เจ้าใหญ่ในประเทศไทยในปัจจุบันอย่าง บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้กรุ๊ป จำกัด ภายใต้กลุ่มบริษัท มาสเตอร์กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือเอ็มจีซี-เอเชีย (MGC-Asia) ก็มีการจัดอีเวนต์ใหญ่แห่งปีอย่างมหกรรมแสดงรถยนต์ MGC-Asia Auto Fest 2022 ที่สยามพารากอน ช่วงวันที่ 15-19 มิถุนายน 2022
นอกจากจะจัดแสดงรถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยูหลากหลายรุ่นพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษแล้ว ยังร่วมเฉลิมฉลองไปกับตำนาน 50 ปีของ BMW M ด้วยการพาชมความพิเศษของรถยนต์ BMW M4 50 JAHRE Edition ที่ผลิตจำนวนจำกัดมาเพื่อโอกาสครบรอบนี้โดยเฉพาะ ตกแต่งด้วยวัสดุพิเศษ อย่างเช่น คาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมโลโก้ 50 JAHRE ซึ่งเป็นภาษาเยอรมันแปลว่า 50 ปี เป็นรุ่นที่ทั่วโลกต่างรอจับจองเป็นเจ้าของกันอย่างรวดเร็ว ใครสนใจสามารถไปเข้าร่วมมหกรรมแสดงรถยนต์ MGC-Asia Auto Fest 2022 ที่สยามพารากอน หรือเข้าเยี่ยมชมโฉมจริงของ BMW M4 50 JAHRE Edition ที่ Millennium Auto M Town ชั้น 3 มิลเลนเนียม ออโต้ สาขาพระราม 4 ได้เลย (ติดต่อ โทร. 1286 Millennium Auto Connect และ Line : https://bit.ly/2Z3ou46)
รายละเอียดการเดินทาง
BMW Welt
เปิดวันจันทร์-เสาร์ 7.30-24.00น. และวันอาทิตย์/วันหยุดนักขัตฤกษ์ 9.00-24.00น.
เข้าชมฟรี
BMW Museum
เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ 10.00-18.00น. (รอบสุดท้ายเข้าไม่เกิน 17.30น.)
ค่าเข้า Single ticket 10 euro, ตั๋วคู่สำหรับ 2 คน คนละ 7 euro และตั๋วครอบครัว (สำหรับผู้ใหญ่ไม่เกิน 2 คนและเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่เกิน 3 คน) ราคา 24euro
จากตัวเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมัน สามารถโดยสารรถไฟใต้ดิน U-Bahn สาย U3 ลงสถานี Olympiazentrum, หรือโดยรถเมล์สาย 173, 177, 178 ลงสถานี Olympiazentrum
