เวลาเครียดๆ จากการงานหรือการใช้ชีวิตก็ตาม เพียงแค่เราได้ยินเสียงน้ำไหล บางครั้งมันทำให้รู้สึกดีขึ้นได้อย่างน่าประหลาด น้ำซึ่งมีคุณสมบัติไหลเวียนจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง จึงส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ ให้เกิดความผ่อนคลาย และถูกนำมาใช้ในการบำบัดรักษาโรค รวมถึงผลเรื่องความงามในหลายศาสตร์
ออริกา เวลเนส (Auriga Wellness) สปาภายใน โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ (Capella Bangkok) ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ย่านเจริญกรุง ได้นำเอาแนวคิดอันมหัศจรรย์ของ ‘น้ำ’ มาใช้เป็นคอนเซ็ปต์หลักในการสร้างสรรค์พื้นที่แสนสงบและทรีตเมนต์ที่ดูแลปลอบประโลมร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า ครบทุกประสาทสัมผัส ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง
อย่างที่เรารู้กันว่าแม่น้ำ 4 สาย ปิง วัง ยม น่าน ไหลจากภูเขาสูงในภาคเหนือมารวมกันจนเกิดเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านกรุงเทพฯ ไปออกทะเล เจ้าพระยาจึงเปรียบเหมือนเส้นเลือดใหญ่ เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าและสัญจรไปมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน Auriga Wellness ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ก็เลยสร้างสรรค์กลิ่นของน้ำมันอโรมาสำหรับใช้นวด ออกมาเป็น 4 กลิ่น เป็นตัวแทนของแม่น้ำ 4 สายนี้
กลิ่นเย้ายวนของน้ำมันหอมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน
หลังจากที่เราก้าวเข้ามานั่งในห้องรับรองของที่นี่ พนักงานจะนำน้ำมันจาก Capella Chaopraya Collection มาให้เราเลือกกลิ่นที่พึงพอใจ อย่าง ‘ปิง’ กลิ่นจะผสมผสานไทม์ไวท์ โรสแมรี่ และกุหลาบ ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายมีพลังงาน ‘วัง’ มาพร้อมความผ่อนคลาย ช่วยแก้ปัญหาการนอนหลับยาก ด้วยกลิ่นของโรสวู้ด กระดังงา และลาเวนเดอร์ ‘ยม’ ทำให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ด้วยกลิ่นของโรสแมรี่ เปปเปอร์มินต์ และกำยาน ขณะที่ ‘น่าน’ เป็นกลิ่นของลาเวนเดอร์ เจอราเนียม และมาร์จอรัม ช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายและจิตใจ บอกตรงๆ ว่าหอมละมุนทุกกลิ่น จนเราเลือกไม่ถูก แต่สุดท้ายก็เลยเลือกกลิ่นที่ช่วยแก้ปัญหาของร่างกายที่เป็นอยู่ในตอนนั้น ก็คือการนอนหลับยาก
ตรงที่นั่งรอ สามารถมองออกไปเห็นพื้นที่สีเขียวของโรงแรม และก็เห็นแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ไกลๆ โดยมีเสียงเพลงบรรเลงเป็นแบ็กกราวด์เบาๆ ก่อนที่พนักงานจะพาเราไปเข้าห้องเปลี่ยนชุด และแนะนำโซน Vitality pool ที่ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง เพราะเป็น water facilities ที่ครบครัน สมกับนิยามบริการเหนือระดับของโรงแรม 5 ดาวจริงๆ
Vitality Pool มาพร้อมบ่อแช่ตัว และห้องอาบน้ำที่สร้างบรรยากาศครบแสงสีเสียง
เริ่มจากบ่อน้ำอุ่นสำหรับแช่ตัว มีปุ่มกดให้เลือกหลากหลายแบบ เช่น เปิดฟองอากาศให้ทั่วทั้งสระ ทำให้น้ำในสระมีปริมาณออกซิเจนมากขึ้น หรือจะให้มีน้ำไหลพ่นออกมาแรงๆ รดลงบนศีรษะและตามตัว ซึ่งเป็นการใช้พลังของน้ำมา heal ร่างกาย ประโยชน์ที่ได้ก็มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี เปิดรูขุมขน รักษาอาการปวดเมื่อย ผ่อนคลายความตึงเครียด หรือกำจัดของเสียออกจากร่างกาย เรียกว่าให้ผลทั้งเรื่องการรักษาโรค และเสริมความงามไปในตัว
ศาสตร์ของการนำน้ำมาบำบัดร่างกายนี้มีมาตั้งแต่ยุคโบราณ สมัยกรีก โรมัน และเราจะเห็นว่าในแต่ละประเทศก็จะมีวัฒนธรรมการอาบน้ำ และใช้น้ำบำบัดที่แตกต่างรูปแบบกันออกไป แต่มุ่งผลลัพธ์ไปในทางเดียวกัน อย่างโรงอาบน้ำของโรมันก็มักจะเกี่ยวพันกับศาสนา เป็นการชำระล้างให้เกิดความสะอาดบริสุทธิ์และบำบัดโรค หรือในญี่ปุ่นก็นิยมการแช่บ่อน้ำพุร้อน (ออนเซ็น) สืบเนื่องมาเป็นการแช่อ่างน้ำอุ่นตามบ้านในยุคปัจจุบัน ส่วนที่ Auriga Wellness นั้น ก็ได้นำศาสตร์ดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ในแนวคิดคล้ายกัน แต่อยู่ท่ามกลางบรรยากาศสถานที่แบบโมเดิร์น
หลังจากแช่บ่อเสร็จ คุณอาจจะไปเข้าห้องซาวน่าสักพัก ซึ่งมีประโยชน์ในเรื่องผิวพรรณและเพิ่มภูมิต้านทาน ก่อนไปชำระล้างร่างกายในห้องอาบน้ำที่พิเศษสุดๆ แบบที่เรายังไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน ด้วยเรนชาวเวอร์ขนาดใหญ่ พร้อมกับกระแสน้ำที่จะฉีดออกมาจากด้านข้างผนังเพื่อช่วยนวดร่างกายโดยตรง และที่สำคัญคือเราสามารถกดปุ่มเลือกบรรยากาศว่าอยากจะได้แบบผ่อนคลายมีนกร้องจิ๊บๆ แบบครึกครื้นกระตุ้นร่างกาย หรือแบบดรามาติกหน่อยๆ เป็นเสียงฟ้าร้อง ฝนตกก็มี เปลี่ยนสีแดง เขียว น้ำเงิน ไปเรื่อยๆ
เข้าสู่ห้องทรีตเมนต์แบบร่วมสมัย แต่ผสมผสานพลังแห่งเอเชียน
และตอนนี้ก็ถึงเวลาทำทรีตเมนต์ เธอราพิสต์พาเราเดินไปยังห้องสุดไพรเวทซึ่งออกแบบมาในคอนเซ็ปต์ร่วมสมัย ใช้สีโทนเข้มอิงธรรมชาติ ผสมทั้งความเป็นศิลปะและกลิ่นอายแบบวัฒนธรรมเอเชีย ดูหรูหราแบบ sophisticated ภายในห้องจะแบ่งออกเป็นสองฝั่ง คือ ฝั่งที่เป็นเตียงนวด และฝั่งที่เอาไว้เปลี่ยนชุด เก็บของ และมีกระจกให้แต่งหน้าทำผม พร้อมอุปกรณ์ครบ ทั้งหวี ไดร์เป่าผม สบู่ล้างมือ และโลชั่น โดยวันนี้เราเลือกทำทรีตเมนต์ Body Bliss เริ่มด้วยการสครับก่อน 30 นาที และต่อด้วยนวดน้ำมันอีก 60 นาที
ไฟสลัวๆ ในห้องทรีตเมนต์บวกกับเตียงที่สามารถทำความอุ่นได้จากตัวเบาะเลย ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายตั้งแต่การนวดยังไม่ได้เริ่ม และยิ่งพอพนักงานเทน้ำมันอุ่นมาชโลมลงบนตัวของเราแล้ว กลิ่นของโรสวู้ด กระดังงา และลาเวนเดอร์ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนตกไปอยู่ในภวังค์ที่ลืมความเมื่อยล้าและตึงเครียดไปจนหมด เป็นการเยียวยาตั้งแต่ร่างกายภายนอกไปจนถึงจิตวิญญาณภายใน จนเวลาเดินไปครบ 60 นาทีเมื่อไร แทบไม่รู้ตัวเลย
เบลนด์ชาออร์แกนิกหอมๆ ที่มีให้เลือกหลากหลายตามองค์ประกอบทางสุขภาพ
ปิดท้ายด้วยการออกมาทานของหวานเย็นๆ และจิบชาอุ่นๆ สักแก้ว ชานี้เป็นออร์แกนิก ชูการ์ฟรี และไม่มีคาเฟอีน มีหลายตัวให้เลือกเลยทีเดียว เช่น Beauty Blend ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนสำหรับผู้หญิง ลดอาการผมร่วง และช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง, Detox Blend ก็ชะล้างสารพิษในร่างกาย ช่วยเรื่องระบบการย่อยอาหาร เหมาะสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก และ Calming Blend ที่เสริมการเชื่อมโยงระหว่างร่างกายและจิตใจ คลายความเหนื่อยล้า เหมาะสำหรับคนที่นอนหลับยากหรือปวดท้องประจำเดือนบ่อยๆ ด้วย ฯลฯ
นับว่าวันนี้เป็นการมาสปากลางเมืองที่ได้หลีกหนีความวุ่นวายแบบไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล แต่ก็ได้เข้าสู่โลกแห่งความผ่อนคลายอย่างแท้จริง แบบที่เราต้องยอมเลยกับราคาที่แม้จะสูงกว่าสปาทั่วไป แต่ความละเอียดพิถีพิถันและคุณประโยชน์ที่ได้มา โดยมี ‘น้ำ’ เป็นองค์ประกอบและแรงบันดาลใจสำคัญที่มอบความมหัศจรรย์ให้กับเราได้แบบครบทุกประสาทสัมผัส ตั้งแต่การดื่มกิน การแช่ตัว การชำระล้าง กลิ่นหอมๆ ไปจนถึงการมองวิวแม่น้ำแบบเพลินๆ ทำให้ Auriga Wellness เป็นประสบการณ์สปาสุดพิเศษที่เราอยากให้คุณได้ลองมาสัมผัสสักครั้ง
Auriga Wellness
Capella Bangkok Hotel ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 10.00 ถึง 22.00 น.
โปรโมชั่น Body Treatment and Massage ราคาเริ่มต้นที่ 2,900 บาท (ราคาสุทธิ รวมเซอร์วิสชาร์จแล้ว) สามารถเลือกเป็นนวดไทยหรืออโรมาเธอราพี 90 นาที และสามารถเข้าใช้ Vitality pool ได้ฟรี 45 นาที (*ผู้เข้ารับบริการต้องได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือมีผลตรวจโควิดแบบ ATK หรือ RT-PCR เป็นลบ ไม่เกิน 72 ชั่วโมง)
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.capellahotels.com/th/capella-bangkok/wellness และจองสปาได้ที่ auriga.bangkok@capellahotels.com หรือโทร. 0-2098-3866, 0-2098-3888