กาแฟ หนังสือ ของวินเทจ และเสียงดนตรี เหล่านี้คือสิ่งที่อยู่ร่วมกันแบบลงตัวและกลมกล่อมเหมือนรสชาติกาแฟที่เจ้าของร้าน Walden Home Café บรรจงสร้างสรรค์ ร้านกาแฟย่านคลองสานที่จะยังเรียกว่าใหม่ได้อยู่รึเปล่าก็ไม่แน่ใจ เพราะเปิดมาได้ 3 เดือนกว่าๆ แล้ว
ออกตัวก่อนว่าเราเองเป็นคนที่ผูกพันกับย่านคลองสานมานาน เราชอบแม่น้ำเจ้าพระยา ชอบร้านอาหารบ้านๆ และร้านบัวลอยในตลาด แต่ทุกวันนี้คลองสานเปลี่ยนสภาพไปมากพอสมควรจากที่เราเคยรู้จัก มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าจนราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นกันแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งยังมีห้างหรูเปิดใหม่ ทุกอย่างดูโอ่อ่าสวยงามและมันกำลังจะพัฒนาไปในทิศทางที่เจริญมากขึ้น แน่นอนว่าการพัฒนาเปลี่ยนแปลงก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ ‘ความบ้านๆ’ ในแบบของคลองสานก็น้อยลงด้วย ทำเราใจหายเบาๆ
ระหว่างเดินอยู่ริมฟุตบาต ฝ่าฝุ่นจากการก่อสร้างรถไฟฟ้ามาเรื่อยๆ เราเปิดประตูเข้ามาที่ร้านกาแฟเล็กๆ แห่งนี้ เพื่อนัดเจอกับเพื่อนเก่าที่เคยทำงานนิตยสารด้วยกัน หลังจากเขาวนเวียนอยู่ในวงการออกแบบงานนิตยสารมาสักพักใหญ่ ดิฐ แจ้งศิริเจริญ อดีตกราฟิกดีไซเนอร์ที่เคยฝากผลงานไว้ในนิตยสารดังๆ หลายเล่ม ไม่ว่าจะเป็น Wallpaper, GQ รวมไปถึงบทบาทของอาร์ตไดเร็กเตอร์ที่ BK magazine, 2mag, Custard และ Lips
ตอนนี้เขาผันมาทำธุรกิจร้านกาแฟของตัวเอง อย่างที่เราเห็นเขายืนชงกาแฟอยู่หลังเคาน์เตอร์ มีอุปกรณ์มากมายเรียงรายอยู่รอบตัว มีลูกค้า เพื่อนฝูง นั่งคุยกันอย่างสบายใจ เป็นบรรยากาศร้านกาแฟที่เรารู้สึกเหมือนมาเยี่ยมเพื่อนที่บ้าน
“อย่างที่รู้กันว่าวงการนิตยสารเริ่มซบเซาลงเรื่อยๆ หนังสือที่ทำอยู่ปิดตัวลง ก็มองหาว่าจะไปทำอะไรต่อ ตอนนั้นเป็นจังหวะที่ขายคอนโดแล้วได้เงินมาก้อนนึง บวกกับได้แรงบันดาลใจจากพี่ๆ ในวงการ ก็คิดจะทำธุรกิจบ้าง ดูไว้หลายอย่าง ตั้งแต่ก๋วยเตี๋ยวเรือ ก๋วยจั๊บญวณ food truck น้ำเต้าหู้ ไม่ได้มองเรื่องกาแฟเลย มีการไปดูโลเกชั่นแล้วก็เตรียมการอยู่เกือบ 2 ปี จนมาลงตัวที่นี่” ดิฐทำชาไทยของโปรดเราให้แก้วนึง ในระหว่างที่เริ่มชวนเขาคุย
“เราผูกพันกับเส้นเจริญนครพอสมควร เพราะเป็นทางผ่านกลับไปบ้านที่ราชพฤกษ์ บางทีก็มาเดิน The Jam Factory หรือมาเดินริมน้ำ หลังจากเซอร์เวย์แป๊บเดียวก็คว้าตึกแถวห้องนี้ไว้เลย” สิ่งที่เรามีคล้ายๆ กันไม่ใช่แค่เรื่องความคุ้นเคยกับย่านคลองสาน แต่ยังมีเรื่องของดนตรี ของวินเทจ และหนังสือ จึงไม่แปลกเลยที่เราเข้ามาร้านนี้แล้วรู้สึกยิ่งกว่าผ่อนคลาย
“จริงๆ เป็นคนที่กินกาแฟทั่วไป แต่สิ่งที่อินมากก็คือ Café Culture เสาร์อาทิตย์เราไม่เคยอยู่บ้านเลย ชอบไปนั่งทำงานร้านกาแฟ ซึ่งเราสามารถพูดได้ว่าในกรุงเทพฯมันไม่มีร้านที่ใช่เราจริงๆ (ใช่เรานะ ไม่ใช่สำหรับคนอื่น) บางร้านเปิดเพลงไม่ถูกใจ บางร้านหรูมาก เข้าไปแล้วเกร็ง ทำตัวไม่ถูก บางร้านหนังสือก็น้อยเหลือเกิน หรือบางร้านก็เงียบ ไม่เปิดเพลง ห้ามถ่ายรูป ห้ามเสียบปลั๊ก พอเราได้ทำร้านกาแฟของตัวเอง ก็เลยทำในแบบที่ตัวเองชอบ บรรยากาศ Cozy รู้สึกสบายๆ อบอุ่น มีเครื่องดื่ม มีอาหาร” และที่สำคัญ มีเพลงที่ดิฐตั้งใจสร้างสรรค์เพลย์ลิสต์ด้วยตัวเอง
ก็อย่างที่บอก เขาเป็นนักออกแบบกราฟิกที่บ้าคลั่งดนตรีคนหนึ่งเลย เข้ามาร้านนี้ก็เลยจะได้ฟังทั้งคลาสสิก ป๊อบ ร็อก แจ๊ซ หรือบางทีก็เพลงเก่าทั้งไทยและฝรั่ง เพลงที่กำลังเปิดอยู่ระหว่างที่เรานั่งคุยอยู่นี้คือ Bohemian Rhapsody ของวง Queen
“ลูกค้าบางคนถึงกับขอเพลย์ลิสต์เลย เราบ้ากับการจัดเพลย์ลิสต์มาก มันเป็นความสุขอย่างนึง เพราะเราซีเรียสกับเรื่องบรรยากาศ เรื่องมู้ด พอกด play ปุ๊บแล้วก็จะชอบดู reaction ของคน บางคนเขาเศร้าๆ อยู่ เราจัดเพลงเศร้าๆ ต่อกันไปเลย 5 เพลง” เขาหัวเราะ
นอกจากเรื่องเพลงแล้ว ของกระจุกกระจิกที่นำมาตกแต่งในร้านก็ล้วนเป็นของวินเทจที่เป็นของสะสมของเขาเอง ที่ชั้นสองของร้านมีชั้นหนังสือ มีเปียโนวางอยู่ แล้วก็กระถางต้นไม้ต่างๆ สอดคล้องกับชื่อร้าน Walden ซึ่งเป็นชื่อของหนังสือปรัชญา ว่าด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับการอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ถ้าอยากอ่านก็ลองไปค้นชั้นหนังสือของเขาดูได้ ไม่แน่อาจจะเจอเล่มอื่นๆ ที่ถูกใจอีกเต็มไปหมด
เราเองก็ใช้เวลาอยู่นานกับหนังสือหลายเล่มของร้านนี้จนลืมเวล่ำเวลา ดิฐเอากาแฟมาให้อีกแก้วแล้วบอกว่าเป็นเมนูใหม่ที่เราจะได้ชิมเป็นคนแรกของร้าน Cascara Latte ทำจากคอฟฟี่เชอรี่ เจือความหวานของโฮมเมดไซรัป รสชาติเป็นกาแฟที่มีความคล้ายๆ น้ำลำไย มะตูมอยู่หน่อยๆ ลองแล้วก็แปลกใหม่ดี แถมตอนนี้เขาเล่าว่ากลายเป็นเป็นเมนูที่ลูกค้าหลายคนชอบ นอกเหนือไปจากเมนูเด่นอย่างช็อกโกแลตและชาเขียว
ไม่ใช่แค่กลิ่นกาแฟหรอกที่ช่วยให้เราผ่อนคลาย แต่เป็นความตั้งใจและความหลงใหลของคนชงด้วยที่ผสมอยู่ในนั้น บรรยากาศในพื้นที่เล็กๆ แห่งนี้ถึงได้ดีจนเราอยากจะแวะเวียนกลับไปบ่อยๆ
Walden Home Café
Open: 9.00a.m. – 6.00p.m.
Tel. 062-362-9915
https://www.facebook.com/waldenhomecafe/