ชุมชนท่าเตียนเป็นชุมชนเก่าแก่ของเขตพระนคร เพราะตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีสถานที่สำคัญคือวัดโพธิ์ ซึ่งถือเป็นแหล่งวิชาความรู้แห่งแรกของไทย ย่านนี้จึงเป็นย่านการค้าที่คึกคักตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ โดยเป็นท่าเรือขนส่งอาหาร ผัก และผลไม้ จากภูมิภาคต่างๆ เข้ามาขายในเมืองหลวง พ่อค้าชาวจีนเองก็ล่องเรือสำเภาเข้ามาทำการค้าที่นี่ จึงกลายเป็นย่านที่อยู่อาศัยของชาวจีนและลูกหลานมาจนถึงปัจจุบัน
ไม่เฉพาะพ่อค้า แต่ขุนนางและข้าราชการก็สร้างที่อยู่อาศัยบริเวณนี้กันเยอะ เนื่องจากอยู่ใกล้พระบรมมหาราชวัง ยามเย็นมักจะมีนายพลเรือมานั่งกินเหล้ายาดอง แล้วนั่งร้องบรรเลงเพลงไทยกันแถวริมฟุตบาทฝั่งตลาดท่าเตียนกันเป็นประจำ จนกลายเป็นหนึ่งในจุดศูนย์กลางของวัฒนธรรมในยุคนั้น
ร่องรอยของความคึกคักในย่านการค้าแห่งนี้ที่ยังหลงเหลือมาถึงปัจจุบัน นอกจากตลาดปลาแห้งและตลาดดอกไม้สดอย่างปากคลองตลาดในบริเวณใกล้ๆ แล้ว ก็คงเป็นโกดังเก่าที่ตั้งอยู่ริมน้ำ รวมไปถึงตึกแถวสไตล์โคโลเนียลที่เคยใช้เป็นห้างร้านในสมัยก่อน ซึ่งบางส่วนยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้ แม้ว่าร้านขายทอฟฟี่ ร้านขายเหล้า ร้านขายของชำ หรือเรือนแพและเรือการค้าที่เคยมาจอดเทียบท่าจะเลือนหายไปจากท่าเตียนแล้ว แต่เสน่ห์ของท่าเตียนยังคงมีอยู่
การปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย บางครั้งมันอาจไม่ได้แย่เสมอไป เพราะสำหรับฉัน การได้ไปเดินดูท่าเตียนในวันนี้ ก็ยังรู้สึกถึงกลิ่นอายทางวัฒนธรรมในอดีตอยู่ดี ขณะเดียวกันก็มีร้านรวงใหม่ๆ เกิดขึ้น ทั้งร้านขายเครื่องหอมอโรมา อุปกรณ์การนวด ยาคลายเส้นต่างๆ รวมไปถึงโฮสเทล และร้านอาหาร คาเฟ่เก๋ๆ ก็ทำให้การไปเดินท่าเตียนในบ่ายวันอากาศร้อน กลายเป็นเรื่องสนุกได้
เราจึงรวบรวม 5 ร้านเก๋ที่รีโนเวทจากห้องแถวเก่าๆ ในย่านท่าเตียน มาเป็นร้านน่านั่งน่าชิล มาแนะนำให้ได้แวะไปเที่ยวกัน
-
Make Me Mango
ห้องแถวเล็กๆ ที่ถูกจับแปลงโฉมเป็นคาเฟ่น่ารักสำหรับคนรักมะม่วงเอาใจเราไปเลยเต็ม 10 เริ่มตั้งแต่การออกแบบตกแต่งร้านด้วยโทนสีขาว ดำ เหลือง คล้ายสีของมะม่วงสุก เข้ากันดีกับสีธรรมชาติของเฟอร์นิเจอร์ไม้ พื้นที่ภายในค่อนข้างเล็กแต่มีการจัดการพื้นที่ที่ลงตัวมากๆ โต๊ะสำหรับนั่งทานในร้านมีถึง 3 ชั้น แถมยังมีมุมถ่ายรูปน่ารักๆ ด้วย เมนูมะม่วงล้านแปดเขาเจ้มจ้นมากเพราะใช้มะม่วงน้ำดอกไม้เป็นหลัก ชุ่มฉ่ำใจเหมาะกับหน้าร้อนนี้มากๆ เช่น มะม่วงเสิร์ฟกับไอศกรีม พุดดิ้งมะม่วง ข้าวเหนียวมะม่วง panna cotta มะม่วง และน้ำมะม่วงปั่นแบบสมูธตี้ที่แบบว่า 1 แก้วใส่มะม่วงลงมาทั้งลูก เอาให้ฟินไปเลยจ้า
————–
2. Good Job
ร้านนี้ถ้าสำหรับคนที่ทำงานสายดีไซน์แล้วจะต้องคุ้นหูกันอยู่บ้าง เพราะเขาต่อยอดมาจากแบรนด์โปรดักต์ดีไซน์ พวกเครื่องเขียน กระเป๋า และของใช้หลากหลาย ของคุณสุจินต์ โอสถารยกุล ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รางวัลการันตีความคิดสร้างสรรค์อยู่ไม่น้อย เมื่อมีร้านเป็นของตัวเอง นอกจากเหล่าเครื่องหนัง สมุด เคสมือถือ และกระเป๋าหลากหลายแบบแล้ว เขาก็มีมุมบาร์กาแฟเล็กๆ ไว้ให้เราเข้ามานั่งชิลกันด้วย โดยมีครัวซองต์กับขนมเล็กๆ น้อยๆ ไว้ทานคู่กัน ท่ามกลางบรรยากาศร้านแบบวินเทจ เหมาะกับมื้อเบาๆ ในยามบ่าย
————–
3.รับอรุณ
ส่วนนี่คือร้านประจำของเราเมื่อก่อนนี้ เราไปที่นี่บ่อยๆ ตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา ถึงทุกวันนี้ถ้าเมื่อไรได้มีโอกาสไปท่าเตียน ก็จะยังคงแวะไปฝากท้องที่นี่เสมอ (ไม่ได้หมายถึงตั้งครรภ์นะ หมายถึงกินข้าว) เพราะมีเมนูอาหารและขนมให้เลือกเยอะ แถมร้านค่อนข้างกว้าง เป็นห้องแถว 2 ห้อง สามารถเอาโน๊ตบุ๊กไปนั่งทำงานหรือชวนเพื่อนไปนั่งคุยได้ไม่รู้สึกอึดอัด
ภายในตึกเก่าสไตล์โคโลเนียลสร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเคยเป็นร้านขายสมุนไพรไทยแผนโบราณมาก่อน เราจึงยังคงเห็นร่องรอยความโบราณอย่างเพดานไม้สัก หน้าต่าง ประตูและกรงไม้ที่ใช้ล็อกในบ้านสมัยโบราณ รวมไปถึงตู้ขายยาเก่าและพื้นกระเบื้องเก่าสไตล์อิตาลีที่แพตเทิร์นสวยมาก
เมนูอาหารไทยแบบดั้งเดิมหลายๆ อย่างหาทานที่อื่นได้ยากแล้ว แต่ยังคงหาทานได้ที่นี่ โดยเขาจะมีการประยุกต์เพื่อเนรมิตหน้าตาให้ดูโมเดิร์นแต่ยังคงรสชาติแบบดั้งเดิมตามตำรับเก่า เช่น ข้าวผัดหมี่ แกงเขียวหวานไก่ ผัดพริกแกงยอดมะพร้าวกุ้งและปลาหมึก รวมไปถึงข้าวผัดอัษฎางค์สีเหลืองทอง
————–
4. Vivi cafe
ร้านกาแฟริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มักจะมีคนมาจับจองพื้นที่ระเบียงติดริมน้ำกันแบบไม่ว่างเว้น นั่งจิบกาแฟไปมองวิววัดอรุณไป พร้อมกับเรือที่แล่นผ่านไปมา บอกได้คำเดียวว่าเพลินจนลืมเวลา ส่วนคนที่ไม่ชอบแดด ก็สามารถนั่งโซฟานุ่มๆ แอร์เย็นฉ่ำในร้านได้
เมนูโปรดของเราคือชาไทยเครปเค้ก เนื้อละมุนลิ้น ราดซอสชาไทยเข้มเข้น นอกจากนี้ก็ยังมีเค้กในตู้ให้เลือกอีกละลานตา เช่น Banana Oreo Pie, ดับเบิ้ลชีสเค้ก,เชอร์รี่ชีสเค้ก, ชีสมูส ทานคู่กับเครื่องดื่มอย่างคาปูชิโน ลาเต้ มอคคา อิตาเลียนโซดา หรือชา Twinings หอมกรุ่น รับรองว่าอารมณ์ดีและเพลิดเพลินจนลืมเวลา
————–
5. The Sixth
ร้านอาหารโฮมเมดทั้งไทยและเทศ มีเมนูทานเล่นอย่าง มันฝรั่งทอด พาร์เมซานชีสหรือพาร์เมซานชีสไข่ดาว เปาะเปี๊ยกุ้ง ส้มตำไทย รวมไปถึงจานหลักอย่างสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า แพนงหมู ข้าวไข่ข้น ผัดไทย แต่ต้องบอกว่ารสชาติอาหารไทยของที่นี่ทำมาเพื่อให้ถูกปากชาวต่างชาติด้วย จึงอาจจะไม่จัดจ้านมากนัก
ส่วนการแต่งร้านในสไตล์ร่วมสมัย ด้านหน้าเป็นกระจก เปิดเข้ามาจะพบกับบรรยากาศผ่อนคลายด้วยการใช้ไลท์ติ้งสร้างมิติ เพิ่มเสน่ห์ด้วยไม้ประดับ ดูเป็นธรรมชาติเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ไม้ กับลวดลายแพตเทิร์นของพื้นในแบบตะวันออก เป็นการรีโนเวทห้องแถวได้น่าสนใจมากๆ ร้านหนึ่ง
————–
แถมท้ายอีกสักร้านหนึ่ง ร้านนี้ชื่อว่าตั้งเฮงกี่ (Tang Heng Kee) เป็นห้องแถวเล็กๆ ห้องเดียว ขายอาหารไทยและจีน ที่นั่งค่อนข้างเล็กและมีจำนวนไม่ค่อยเยอะ แล้วก็ไม่ได้มีบรรยากาศโดดเด่นเห็นวิวอะไรเหมือนร้านอื่น เหมาะกับรีบมารีบไป แต่สิ่งที่เด็ดคือไอศกรีมผลไม้หลากรส โดยเฉพาะไอศกรีมมะพร้าวกับไอศกรีมมะม่วง ต้องไปโดนให้ได้!