สำหรับคอศิลปะแล้ว จะต้องรู้จักชื่อของตึกใหม่อย่าง The PARQ (เดอะ ปาร์ค) ในย่านพระราม 4 อย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นหนึ่งในสถานที่จัดแสดงเทศกาลศิลปะ Bangkok Art Biennale 2020 ซึ่งแค่ที่นี่ที่เดียวก็มีงานอาร์ตให้ดูถึง 25 ชิ้น จากศิลปิน 16 คน อย่างเช่น ยุรี เกนสาคู, โน๊ต กฤษดา, ไทวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณ์, Anish Kapoor, Marina Abramovic ฯลฯ จัดแสดงอยู่ที่ชั้น 15 ของตัวตึก
The PARQ คือโครงการมิกซ์ยูสที่นอกจากจะมีออฟฟิศอยู่ข้างในมากมายแล้ว ก็มีส่วนที่เรียกว่า The PARQ Life ซึ่งเป็นโซนไลฟ์สไตล์รีเทล มีร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านค้าต่างๆ เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของชาวเมือง เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2020 ที่ผ่านมานี้เอง สำหรับใครที่เข้ามาดูงานอาร์ตที่ตึก The PARQ แล้วเกิดหิวขึ้นมา เรามี 6 ร้านอร่อยที่อยากให้ลองไปชิมก่อนกลับบ้าน อิ่มตาแล้วต้องอิ่มท้องด้วยนะ!
𝟭. 𝗖𝗵𝗮 𝗕𝗮𝗿 𝗕𝗸𝗸
ชา บาร์ บีเคเค คือร้านชานมเฮลตี้ หวานน้อย แคลอรี่ต่ำ สำหรับคนที่เลิฟการดื่มชานมแต่กลัวเสียสุขภาพ ที่นี่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติทั้งหมดในประเทศไทย เช่น ใบชาจากเชียงราย น้ำตาลมะพร้าวจากอัมพวา นมวัวสดจากโคราช และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ไข่มุกข้าวไรซ์เบอร์รี่ ที่ร้านชาบาร์ได้คิดค้นขึ้นเป็นที่แรกเมื่อปี 2008 โดยชานมร้านนี้เขาเริ่มต้นที่ 150 kcal เท่านั้น เมนูต้องลองคือ Taro Almond Milk Cha + Riceberry Boba, Almond Milk Brownsugar + Sesame Pudding และ เจลลาโต้รสขนมตาล ทำจากเนื้อตาลแท้ ใส่งาขาวและมะพร้าวคั่ว
—————————————————–
𝟮. 𝗣𝗲𝗮𝗰𝗲 𝗢𝗿𝗶𝗲𝗻𝘁𝗮𝗹 𝗧𝗲𝗮 𝗛𝗼𝘂𝘀𝗲
ร้านชาที่พาเราไปสัมผัสศาสตร์และศิลป์ของการชงและดื่มชาตะวันออกแบบดั้งเดิม เมนูต้องลองคือ Yuzu Mocheezu โมจิ+ชีส+ยูสึ+น้ำตาลไหม้ ต่อด้วยไอศกรีมนมธรรมชาติที่ทางร้านทำสดทุกเช้าและเสิร์ฟภายในวันเดียวกัน ทานคู่กับ koicha หรือมัทฉะชงเข้มข้น และนอกจากนี้ยังมี Matcha extremist ไอศกรีมมัทฉะเข้มข้น เคลือบด้วยผงถ่านไม้ไผ่สีดำสนิท มีคุณสมบัติช่วยดูดซับคาเฟอีน ร่างกายของเราจะได้ไม่รับคาเฟอีนในปริมาณที่มากเกินความต้องการ เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวดำรสหวานมัน
—————————————————–
𝟯. 𝗞𝗼𝗽𝗲 𝗛𝘆𝗮 𝗧𝗮𝗶 𝗞𝗲𝗲
ร้านกาแฟเก่าแก่เปิดมายาวนานถึงปีที่ 68 แล้ว ใครอยากได้บรรยากาศเก่าๆ ของสภากาแฟ เข้ามาที่นี่จะเห็นโต๊ะกลมหินอ่อน กับเก้าอี้ไม้ทรงกลม กว่าร้อยเมนูส่งต่อสูตรลับเฉพาะมากว่า 4 ชั่วคน โดยมีเมนูเด่นอย่างไข่กระทะ ใส่กุนเชียง หมูยอ และถั่วลันเตา ต่อด้วยเครื่องดื่มที่ห้ามพลาดอย่าง ชาเฟร้อน กาแฟที่มีส่วนผสมของกาแฟคั่วอย่างดีและชาซีลอน และโคเฟเต้เย็น ซึ่งเป็นกาแฟอราบิก้าคั่วระดับกลาง ใส่น้ำตาลอ้อยหวานหอม
—————————————————–
𝟰. 𝗚𝘆𝘂-𝗸𝗮𝗸𝘂 และ On-yasai
Gyu-kaku คือร้านปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นที่ให้เราสัมผัสฟีลของการกินในสไตล์ยากินิกุแบบญี่ปุ่นจริงๆ เพราะที่นี่มีเนื้อสุดพรีเมียม รวมถึงเมนูยอดนิยมอย่างเนื้อลายหมักซอสมิโสะ เนื้อซี่โครงหมักซอสต้นตำรับ และเนื้อวากิวคารุบิคัดพิเศษหั่นชิ้นพอดีคำ ส่งตรงจากญี่ปุ่น ย่างบนเตาถ่าน หอมอร่อยฟินกันไปเลย
ส่วนร้าน On-yasai เป็นร้านชาบูที่เสิร์ฟชาบูต้นตำรับแท้ๆ จากญี่ปุ่น ภายใต้สโลแกน ‘วัตถุดิบคัดสรรอย่างดี เตรียมไว้เพื่อคุณ’
—————————————————–
𝟱. 𝗠𝗮𝗺𝗮𝗽𝗮𝘀𝘁𝗮
ร้านพาสต้าเส้นสดสไตล์อิตาเลียนรสชาติต้นตำรับ เขาคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุดจากทั่วโลก อย่างน้ำมันมะกอกและเปปเปอร์โรนีจากอิตาลี ขณะเดียวกันก็สนับสนุนสินค้าออร์แกนิกของเกษตรกรไทยอย่างกุ้งและชีส โดยทางร้านทำเส้นพาสต้าและแป้งพิซซาทุกวัน จากครัวใหญ่บนถนนกรุงเทพกรีฑา นอกจากจะควบคุมให้ดีมีมาตรฐาน และดีต่อสุขภาพเพราะไร้วัตถุกันเสีย ยังการันตีความอร่อยซึ่งหาจากที่อื่นไม่ได้ด้วย
เมนูต้องลองคือพิซซ่าพาร์ม่าแฮมบูราด้า ลาซานญ่าเนื้อ และราวิโอลี่ผักโขมกับชีสรีคอตต้า เสิร์ฟกับซอสอาราเบียตต้า
—————————————————–
𝟲. 𝗦𝗮𝗸𝗮𝗲
ร้านชาบูพรีเมียมที่วัตถุดิบส่วนใหญ่นำเข้าจากญี่ปุ่น ใช้เนื้อวัวสายพันธุ์ดีของญี่ปุ่นซึ่งนุ่มลิ้น ละลายในปาก มีทั้ง Wagyu A4, Tokusen Wagyu เเละ Sakae Beef signature แถมยังมีน้ำซุปดำสไตล์ญี่ปุ่นที่ให้ความหวานธรรมชาติของวัตถุดิบ บรรยากาศในร้านได้รับการออกแบบเป็นบาร์นั่ง มีเชฟคอยสไลด์เนื้อและเสิร์ฟถึงโต๊ะ ที่สำคัญ เเยกหม้อชาบูส่วนตัว โดย SAKAE จะขายเป็นเซ็ตเสิร์ฟเเต่เนื้อระดับพรีเมียมเท่านั้น
ทั้งหมดนี้อยู่ที่ตึก The PARQ ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมระหว่างถนนพระราม 4 และถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ
ลงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.theparq.com หรือ https://www.facebook.com/theparqbkk
