ร้านอาหารไทยระดับมิชลินหนึ่งดาว ‘โบ.ลาน’ (Bo.Lan Restaurant) ของเชฟโบ ดวงพร ทรงวิศวะ และเชฟดิลลัน โจนส์ (Dylan Jones) เปิดประตูต้อนรับเราอีกครั้งแบบเฉพาะกิจ หลังจากปิดตัวไปถาวรเมื่อกลางปี 2021 ที่ผ่านมา ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสในการต้อนรับแขกในอีเวนต์พิเศษที่จะเข้ามาร่วมระเริงรสไปกับอาหารไทยสุดคลาสสิกในแบบไฟน์ไดนิ่ง โดดเด่นด้วยรสชาติจัดจ้าน และการเลือกสรรวัตถุดิบมาจากทั่วไทยตามเอกลักษณ์ของเชฟทั้งสอง บวกกับความพิเศษอย่างการสร้างสรรค์เมนูใหม่ที่ปรุงจากหม้อสุดพรีเมียมแบรนด์ ANAORI

หน้าทางเข้าร้านโบ.ลาน ต้นซอยสุขุมวิท 53 ที่เปิดพื้นที่ขึ้นใหม่สำหรับอีเวนต์พิเศษเท่านั้น
โต๊ะดินเนอร์อาหารไทยแบบไฟน์ไดนิ่ง

ไฟน์ไดน์นิ่งในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่มีชื่อว่า The Naturality Tour’ ทัวร์ที่จัดขึ้นในกว่า 24 เมืองทั่วโลกภายในระยะเวลาทั้งหมด 6 เดือน เพื่อเปิดตัว ‘หม้อ’ ให้เชฟระดับโลกได้ทดลองคิดค้นสร้างสรรค์เมนูโดยปรุงจากหม้อสุดพรีเมียมนี้ และจัด Chef Table ให้แขกได้มาทดลองชิม โดยเริ่มขึ้นที่ญี่ปุ่นเมื่อเดือนเมษายน 2021 ก่อนจะต่อไปที่อเมริกา เอเชีย และกำลังจะไปที่ยุโรป

อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ เพราะหม้อใบนี้นั้นมีความพรีเมียมและคุณค่าที่สมกับการเดินทางเปิดตัวไปทั่วโลกแน่นอน 

หัวปลีในหม้อ ANAORI kakugama

หม้อที่ว่านี้มีชื่อเรียกว่า ‘คะคุกะมะ’ (kakugama) ผลิตโดยบริษัทอะนะโอริ (ANAORI) ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีคาร์บอน กราไฟต์ (Carbon Graphite) สสารที่โดดเด่นในด้านการนำความร้อนได้ดีและกระจายความร้อนได้ทั่วสม่ำเสมอ จึงทำให้หม้อคะคุกะมะที่ผลิตจากคาร์บอน กราไฟต์ คงความร้อนได้กว่า 2 ชั่วโมง แม้ไม่ได้ตั้งบนเตาแล้วก็ตาม ดีไซน์ของตัวหม้อเป็นรูปทรงคิวบ์สีดำดูเรียบหรูแต่มินิมัลสไตล์ญี่ปุ่น ทนทานต่อรอยขีดข่วน ด้านในยังมีการลบขอบมุมให้เว้าโค้งมน ทำให้ง่ายต่อการปรุงอาหาร ไม่ติดหม้อ

‘การปรุงอาหารที่ดีที่สุด จะเกิดขึ้นในรูปแบบที่เรียบง่ายที่สุด และมีการแทรกแซงน้อยที่สุด’

ความทรงจำวัยเด็กเรื่องรสชาติมันเทศย่างบนถ่านคาร์บอนนั้นตราตรึงใจ เออิจิ อะนะโอริ (Eiichi Anaori) เขาได้สัมผัสถึงแก่นแท้ของรสชาติที่ได้จากการใช้กรรมวิธีที่ธรรมชาติที่สุด แค่ย่างบนถ่านเท่านั้น ซึ่งสิ่งนี้ก็สอดคล้องกับหลักปรัชญาของญี่ปุ่นในการคงความสมดุลและเรียนรู้ที่จะใช้พลังจากธรรมชาติโดยที่ไม่ไปต่อต้านหรือฝืนธรรมชาติ เขาจึงจุดประกายความตั้งใจในการสร้างสรรค์หม้อคะคุกะมะใบนี้ 

นวัตกรรมหม้อ ANAORI kakugama ทำจากคาร์บอนกราไฟต์ รูปทรงคิวบ์สุดเท่ แต่ภายในลบขอบให้กลมมน

คุณสมบัตินำความร้อนของหม้อทำให้เราสามารถการใช้ลดความร้อนโดยตรงจากเตาในกระบวนการอาหารได้มาก และความร้อนที่หม้อกักเก็บจะยังช่วยให้ปรุงอาหารได้สุกพร้อมรับประทาน แต่ไม่ร้อนเกินไป จึงช่วยรักษาแก่นแท้ทางรสชาติ คุณค่า และเนื้อสัมผัสของวัตถุดิบไว้ได้มากที่สุด เป็นการผสานพลังระหว่างเทคโนโลยีที่ทันสมัยกับการคงไว้ซึ่งธรรมชาติของสรรพสิ่ง

เชฟดิลลัน โจนส์

เชฟผู้เชี่ยวชาญจาก 24 ประเทศจะมาร่วมสร้างสรรค์อาหารตามเอกลักษณ์ของตนเองผ่านการใชหม้อคะคุกะมะเพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนวัตกรรมล้ำสมัยนี้ ในส่วนของทัวร์ที่กรุงเทพฯ นั้น แบรนด์ได้รับเกียรติจากเชฟโบ และเชฟดีแลนในการเป็นตัวแทนคิดค้นและปรุงเมนูสุดพิเศษให้เราได้ทานกัน เชฟทั้งสองเองก็ยึดหลักปรัชญาในการทำอาหารแบบรักษ์โลก ใช้วัตถุดิบอย่างมีคุณค่าและยั่งยืน ปราศจากการผลิตขยะอาหาร ซึ่งเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบกับปรัชญาของอะนะโอริ

เชฟโบ ดวงพร ทรงวิศวะ

ไฟน์ไดน์นิ่งแบบไทยแท้จาก Bo.Lan x ANAORI

ตั้งแต่ทางเข้าทอดยาวไปจนถึงตัวร้านโบลานช่วยตัดขาดความวุ่นวายจากท้องถนน แม้จะอยู่ในย่านสุขุมวิทอันขวักไขว่ก็ตาม ตัวตึกไม้สีน้ำตาลท่ามกลางสวนสีเขียวล้อมรอบและสระว่ายน้ำสีฟ้าสดที่แฟนๆ ร้านโบลานหลายท่านคงคุ้นตา ภายในร้านผนังสีเขียวไก่กาตัดกับสีน้ำตาลของเฟอร์นิเจอร์ให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบไทย ช่วยขับบรรยากาศให้เข้ากับเมนูอาหารในวันนี้ได้อย่างลงตัว ใบเมนูที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ อ่านแล้วชวนประทับใจกับวิธีตั้งชื่อเมนูของเชฟ ด้วยถ้อยคำที่ทั้งชูจุดเด่นของเมนู และเรียงร้อยสละสลวยแบบไทยโบราณ

Bolan restaurant

เริ่มระเริงรสกันด้วยเมนูแรกที่รวม ‘ซาวน้ำสับปะรดอินทรีย์’ เย็นฉ่ำเปรี้ยวหวานชื่นใจ ‘ข้าวทอดปลาอินทรีย์ปัตตานี’ เข้มข้นถึงเนื้อปลา ‘เนื้อไทยแบ็คโคราชย่างแจ่วแห้ง’ รสชาติจัดจ้าน ซึ่งเชฟแนะนำให้ทานเรียงกันตามลำดับ เป็นทีเซอร์เล็กๆ ของสำรับใหญ่ที่เราจะได้ทานกันในวันนี้

เปิดรสด้วย ซาวน้ำสับปะรดอินทรีย์, ข้าวทอดปลาอินทรีย์ปัตตานี และ เนื้อไทยแบ็คโคราชย่างแจ่วแห้ง

ต่อด้วย ‘ปลีกล้วยนวล จากบ้านปางมะกล้วย อบในหม้ออะนะโอริ แม่แตงเชียงใหม่’ ปลีกล้วยอบได้นุ่มกำลังดี ทานคู่กับกะปิเคย เกลือ พริกขี้หนูสวนช่วยเปิดรสให้เราพร้อมเต็มที่สำหรับสำรับใหญ่ที่รอคอย

ปลีกล้วยนวลจากบ้านปางมะกล้วย เชียงใหม่

สำรับใหญ่เริ่มต้นด้วยสองเมนูแรก ‘ยำมะม่วงหลากพันธุ์อย่างอัมพาใส่กุ้งอ่าวพังงาย่างบนถ่านโกงกาง’ รสชาติหวานเปรี้ยว เผ็ดเล็กน้อยกำลังดี และ ‘น้ำพริกขี้กา แนมผักพื้นบ้านตามฤดู และไก่ต้มน้ำปลากงไกรลาส’ ไก่ต้มเนื้อเนียน ทานคู่กับน้ำพริกรสจัดจ้าน ล้างปากด้วยผักพื้นบ้านหลากชนิด ทานคู่กับข้าวอินทรีย์ จากศรีษะเกษ

ยำมะม่วงหลากพันธุ์อย่างอัมพาใส่กุ้งอ่าวพังงาย่างบนถ่านโกงกาง
น้ำพริกขี้กา แนมผักพื้นบ้านตามฤดู และไก่ต้มน้ำปลากงไกรลาส

เมนูถัดไป ‘ผัดฉ่าตับหมู กึ๋นไก่อินทรีย์ หมึกปากบารา และใบจันทน์และสุรากลั่นลุงบุญมี’ เป็นเมนูที่เชฟออกมาผัดในหม้อคะคุกะมะให้ดูกันแบบสดๆ โดยไม่ต้องใช้เตาเลย กลิ่นเครื่องผัดฉ่าหอมคลุ้งไปทั่วร้านไม่ต่างกับตั้งบนเตา

ผัดฉ่าตับหมู กึ๋นไก่อินทรีย์ หมึกปากบารา และใบจันทน์และสุรากลั่นลุงบุญมี

ปิดท้ายสำรับใหญ่ด้วย ‘แกงหยวกกล้วยคอหมูย่างผลกล้วยดิบ และใบเพี้ยฟาน อย่างท่านผู้หญิงเปลี่ยน’ รสชาติเข้มข้นเคี่ยวมาได้อย่างลงตัว และ ‘แกงแตงโมเมืองชลอย่างตำรับสายปัญญา’ ให้รสชาติโดดเด่น เปรี้ยวเผ็ดหอมแบบที่คนรุ่นใหม่ๆ อย่างเราไม่ได้สัมผัสบ่อยนัก

แกงหยวกกล้วยคอหมูย่างผลกล้วยดิบ และใบเพี้ยฟาน อย่างท่านผู้หญิงเปลี่ยน
แกงแตงโมเมืองชลอย่างตำรับสายปัญญา

กินคาวแล้วก็ต้องกินหวาน ปิดท้ายดินเนอร์วันนี้ด้วยเครื่องหวานที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็นตะโก้สาคูพัทลุงหวานมันเค็ม กระยาสารทอบคันเทียนหอมฉุย แนมด้วยกล้วยเล็บมือนาง ทานคู่กับชาร้อนๆ ปิดท้ายไฟน์ไดน์นิ่งอาหารไทยตำรับโบราณนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ประสบการณ์มื้อนี้ทำให้เรารู้ว่าทั่วเมืองไทยเรามีวัตถุดิบท้องถิ่นที่มีคุณค่าตามธรรมชาติอยู่มากมาย และตำรับตำราอาหารไทยที่สืบต่อกันมาแต่โบราณนั้นก็เป็นศิลปะที่ละเมียดละไมและน่าภูมิใจอย่างมาก ก่อนจะมาผสมผสานและสร้างสรรค์ออกมาเป็นศิลปะบนจานให้เราได้ลิ้มชิมรสกัน ยิ่งมาบวกกับปรัชญาอันลึกซึ้งของอุปกรณ์ทำอาหารของ ANAORI ที่ถูกเคลือบไว้ด้วยดีไซน์ทันสมัยด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นความกลมกล่อมลงตัวที่อิ่มทั้งท้องและหัวใจแบบสุดๆ

ตะโก้สาคูพัทลุงหวานมันเค็ม กระยาสารทอบคันเทียนหอมฉุย แนมด้วยกล้วยเล็บมือนาง

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของ ANAORI Kakugama ได้ที่

เว็บไซต์: http://www.anaori.com

Instagram: Anaori_official

Facebook: ANAORI

Leave a Reply