เรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จมักจะถูกถ่ายทอดแต่ในด้านที่หอมหวานและดูสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง เงินทอง การได้รับการยอมรับจากสังคม แต่ที่จริงแล้ว กว่าที่ความสำเร็จจะมาถึงได้ ทุกคนย่อมต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก่อน และหนึ่งในนั้นคือจิตรกรชื่อดังก้องโลก วินเซนต์ แวน โก๊ะ (Vincent van Gogh) ศิลปินชาวดัตช์เจ้าของผลงานศิลปะกว่า 2,000 ชิ้น ที่ส่วนหนึ่งนำมาจัดแสดงในรูปแบบนิทรรศการมัลติมีเดียที่พิพิธภัณฑ์ MODA (Museum of Digital Art Bangkok) ชั้น 2 ริเวอร์ซิตี้ แบ็งค็อก ช่วงปี 2020
แวน โก๊ะ มีชีวิตอยู่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และทำงานศิลปะมาตลอด เขาสร้างสรรค์จิตรกรรมไว้กว่า 930 ชิ้นในเวลาเพียง 10 ปี และยังมีภาพวาดและภาพสเก็ตช์อีก 1,100 ชิ้น แต่ผลงานเหล่านั้นกลับไม่ได้เป็นที่จดจำเลยขณะที่เขามีชีวิตอยู่ ขายภาพได้เพียงไม่กี่ภาพเท่านั้น และก็มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบาก กระทั่งจากโลกนี้ไปในวัยเพียง 37 ปี ด้วยความยากจนและโศกเศร้า
“ชีวิตจะเป็นอย่างไร หากเราไม่มีความกล้าหาญที่จะพยายามทำสิ่งใดก็ตาม”
คำกล่าวนี้ของแวน โก๊ะ จารึกไว้บนผนังด้านหน้าทางเข้านิทรรศการที่ริเวอร์ซิตี้ บ่งบอกถึงความพยายามในการทำงานในสิ่งที่เขารักและมุ่งมั่นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ในขณะที่ใกล้ๆ กับผนังนั้นเป็นที่ตั้งแจกันดอกทานตะวัน ดอกไม้ที่แวน โก๊ะ ชอบมากที่สุด จำลองมาจากภาพ Sunflowers ซึ่งก็เป็นผลงานที่โด่งดังที่สุดภาพหนึ่งของแวน โก๊ะ นอกเหนือไปจากภาพ The Starry Night, ภาพ Café Terrace at Night, ภาพ Arles View from the Wheatfields หรือภาพ Bedroom in Arles ฯลฯ
หลายภาพที่ว่ามานี้โดยมากมีลายเส้นที่ดูละมุนอ่อนหวานและใช้สีเหลืองสดใสเป็นส่วนหนึ่งของภาพอยู่เสมอ อย่างที่ตัวเขาเคยกล่าวไว้ว่า
“สีเหลืองช่างเป็นสีที่วิเศษ สีนี้คือตัวแทนของดวงอาทิตย์”
จนเราแทบไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ในตัวผู้วาด มันไม่ได้สดใสเหมือนสีเหลืองไปซะทั้งหมด มันเป็นสีที่เข้ามาเยียวยาความเศร้าในจิตใจของแวน โก๊ะมากกว่า อย่างที่เคยมีเรื่องเล่าจากหมอที่รักษาแวน โก๊ะ ที่แซงต์-เรอมี (Saint-Remy) ว่าแวนโก๊ะเคยกินสีเหลืองและน้ำมันสนเข้าไป เพราะคิดว่าจะทำให้ตัวเองมีความสุขได้ จนหมอต้องสั่งห้ามไม่ให้เขาเข้าไปในสตูดิโอ
อาจจะเหมือนกับศิลปินหลายๆ คนที่มีจิตใจที่ดำดิ่งลึกกว่าคนปกติธรรมดา ทำให้แวน โก๊ะ ต้องเผชิญกับภาวะซึมเศร้า และมีปัญหากับสภาพจิตใจจนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการขัดแย้งกับเพื่อน หรือความรักที่ไม่สมหวัง
ครั้งหนึ่งที่เขาทะเลาะกับพอล โกแกง ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน เป็นแรงบันดาลใจในการทำงานศิลปะให้แก่กัน และอาศัยอยู่ด้วยกันในอพาร์ตเมนต์ในเมืองอาร์ลส์ (Arles) ประเทศฝรั่งเศส แต่ในครั้งที่ทะเลาะกันรุนแรงจนโกแกงหนีออกไปอยู่โรงแรม แวน โก๊ะ จึงตัดใบหูข้างขวาของตัวเองเพื่อประชดเพื่อนรัก ตามที่ปรากฏหลักฐานในภาพ self-portrait ของเขาเอง ‘Self-Portrait with Bandaged Ear, 1989’
- คลิกดูภาพบ้านแวน โก๊ะ ในบทความท่องเที่ยวเมือง Arles ได้ที่ ตามรอยแวนโก๊ะ แมวโรมัน และตลาดเช้าโพรวองซ์ที่ Arles
ส่วนในด้านความรัก ด้วยความที่แวน โก๊ะ เป็นศิลปินไส้แห้ง เขาจึงถูกปฏิเสธจากหญิงที่เขาขอแต่งงาน ก่อนจะมาพบรักกับหญิงโสเภณีที่มีลูกติดมาในท้อง ทำให้ครอบครัวของแวน โก๊ะ ผิดหวังอับอาย เป็นสาเหตุในทั้งคู่ต้องเลิกกันในที่สุด
ในช่วงท้ายของชีวิต แวน โก๊ะ เข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง จนมาจบชีวิตตัวเองด้วยการยิงปืนเข้าที่ซี่โครงซ้ายในวัย 37 ปี นับเป็นการจบความเศร้า ความอาภัพ ไปกับจิตใจที่บอบช้ำของเขา แต่สำหรับผลงานศิลปะต่างๆ ที่เขาได้สร้างสรรค์เอาไว้นั้น แม้จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่เคยจบหรือถูกลืมเลือนไป กลับกลายเป็นงานที่ถูกเก็บรักษาในหลายพิพิธภัณฑ์ใหญ่ๆ ระดับโลก และมีมูลค่าการประมูลสูงที่สุดในโลกด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ แวน โก๊ะ ไม่มีโอกาสได้รับรู้แล้วว่าโลกนี้ชื่นชมผลงานของเขามากแค่ไหน และเขาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่มากมายเพียงใด
นิทรรศการ Van Gogh. Life and Art นำเสนอผลงานมากกว่า 300 ชิ้นในเวลา 40 นาที เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2563 – 31 ธันวาคม 2563 ที่ MODA Gallery ชั้น 2 ริเวอร์ ซิตี้ แบ็งค็อก
บัตรเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ ราคา 350 บาท ซื้อบัตรได้ที่ https://www.zipeventapp.com/e/Van-Gogh-Life-and-Art
Photo courtesy of the artist, River City Bangkok
[…] […]